ตะวันที่ลับขอบฟ้าไป บ่งบอกว่าหลังจากนี้ ความมืดมนกำลังจะมาเยือน ชีวิตก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตะวันสักเท่าไร
วันที่แพ้พ่ายก็เปรียบเสมือนความมืดที่เข้ามาบดบังให้เราก้าวเดินลำบากมากกว่าเดิมอาจสองเท่าหรือมากไปกว่านั้น กำลังใจที่มีก็ถูกองศาแห่งมรสุมเข้าครอบงำกลายเป็นเพลิงเผาผลาญ “แรงใจ”ให้มอดไหม้ไปทีละเล็กทีละน้อย กำลังวังชาที่เคยมากล้นก็พลอยดำดิ่งลงเหว
นาทีแห่งความเจ็บปวดเมื่อหวนคิดถึงก็ยิ่งระบบขมขื่นความรู้สึกโดนย่ำยี น้ำตาที่ไหลพรากไม่ได้ช่วยให้เราลบลืมความปวดร้าวได้เลยสักนิด มีแค่ยอกย้ำให้ตัวเองก้าวเดินสู่หุบเหวอันน่าสะพรึงกลัว
หลายคนบอกว่า “ไม่มีวันลืมอดีตได้” โดยเฉพาะอดีตอันเลวร้าย ขื่นขม...จริงหรือไหม? แลัวทำไมเราลืมอดีตที่เป็นความสุขได้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่น่าจดจำมากกว่า
แท้จริงแลัว อดีตทั้งสุข และเศร้า เราไม่ลืมสิ่งไหนง่ายกว่ากันหรอก เพียงแต่สิ่งที่เคยทำให้เราเจ็บได้สร้างรอยแผลไว้ในใจ กลายเป็นภาพอดีตที่คอยตอกย้ำเราอยู่ร่ำไป
จงเลือกใช้ภาพแห่งอดีตให้เหมาะสม อดีตที่ดี จงดึงภาพและความรู้สึกดีๆ นั้นขึ้นมาแปรเปลี่ยนให้เป็นพลัง สำหรับก้าวเดินต่อไป
ไม่มีความเห็น