[review] รีวิว Stranger Things Season 2 (2017)



[review] รีวิว Stranger Things Season 2 (2017) ให้ภาพวัฒนธรรม Pop ยุค 80s จ๋า ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบมาเต็ม

หนังดำเนินเรื่องราวต่อจากภาคแรก เมื่อทุกคนสามารถช่วยวิลจาก "มิติมืด" ได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่หายเป็นปกติดีมีบางสิ่งบางอย่างแฝงอยู่ในตัวของเขา เขากลายเป็นสื่อกลางระหว่างสิ่งมีชีวิตประหลาด และเจ้าสิ่งมีชีวิตนั้นพยายามจะขึ้นยึดครองโลกใบนี้ ทุกคนจะต้องช่วยกันหยุดยั้งให้ได้

ใน Season นี้ เน้นความหลากหลายทางอารมณ์มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงอารมณ์อันแปรปรวนของเด็กวัยรุ่นที่เริ่มจะมีการตั้งคำถามถึงตัวเอง ค้นหาตัวเอง เรียนรู้ ปรับตัว ลองผิดลองถูก มีความลับมากขึ้น มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เริ่มมีความรัก มีความอิจฉาริษยา อารมณ์ไม่นิ่ง ไม่แน่ไม่นอน ดูแล้วทำให้รู้สึกหงุดหงิดถึงพฤติกรรมบางอย่างของหลายตัวละคร หลายตัวละครมีความโตมากขึ้น อารมณ์นิ่งมากขึ้น แต่บางตัวละครอารมณ์ปรวนแปร รุณแรงกร้าวร้าว ซึ่งหนังก็สามารถทำออกมาในเชิงสัญลักษณ์ผ่านสัตว์ประหลาดยักษ์แบบพายุหมุนได้อย่างดี

หนังยังคงเนื้อหาที่มีความหมายเกี่ยวกับมิตรภาพ ความจริงใจ การยึดมั่นคำสัญญา และที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคืออารมณ์รักเชิงชู้สาว สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นผ่านเส้นเรื่องย่อยอันหลากหลาย และผ่านพฤติกรรมจากตัวละครหลายตัว

และด้วยความที่ season นี้มีการฉีกเส้นเรื่องให้มีความหลากหลายนั้นเอง ส่วนตัวผมดูแล้วทำให้รู้สึกขาดความเป็นเอกภาพไปบ้างเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อถึงเวลา หนังก็จะสามารถโยงกับมาถึงเส้นเรื่องหลักได้อย่างชาญฉลาด

โดยส่วนตัวแล้วหนังมีความเหนื่อยไปทางเอื่อยในช่วง 4 ตอนแรก แต่พอเริ่มเข้าตอนที่ 5 เป็นต้นไป หนังก็มีความสนุกน่าติดตาม และไปเข้มข้นอย่างสุดๆในช่วงตอนที่ 7-9 ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามาช้าเกินไปหน่อย แต่ก็เข้าใจผู้กำกับได้คนเขียนบทว่าอยากจะค่อยๆนำคนดูให้รู้จักกับตัวละครต่าง ๆ ให้มากขึ้น แล้ววางจุดต่าง ๆ ปมต่าง ๆ เอาไว้ แบบไม่รีบร้อนไม่รีบเร่ง เมื่อถึงเวลาสำคัญก็คลายปมนั่นเอง หาคนดูใจร้อนก็อาจมีความรู้สึกเบื่อได้

นอกจากนี้หนังยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของการนำวัฒนธรรม Pop ยุค 80s ออกมาใช้ได้อย่างแนบเนียน และน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นการแต่งกาย ภาพยนตร์ในช่วงเวลานั้น บทเพลงในช่วงเวลานั้น หรือแม้แต่ความบันเทิงอย่างเช่นร้านเกมในช่วงเวลานั้นก็ทำให้หลายคนดูแล้วไม่สามารถอดคิดถึงหรือโหยหาอดีตได้เลย จุดนี้มันดีมาก ๆ จุดเด่นอย่างหนึ่งของซีซั่นนี้คือการใช้เพลงในยุค 80 ได้อย่างเป็นประโยชน์

ในแง่การแสดงนั้นก็ยังต้องขอชื่นชมนักแสดงเด็กทุกคน ที่สามารถเล่นได้ถึงอารมณ์จนเราเชื่อว่าพวกเขานั้นไม่ได้แสดง ผู้กำกับและคนเขียนบทยังกระจายบทและความเด่นของตัวละครได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าเทียบกับ Season 1 แล้วผมมองว่าการกระจายบทและความเด่นยังสู้ไม่ได้ และเนื่องจากหนังมีความเน้นอารมณ์มากขึ้นจึงทำให้ season นี้ มีความรู้สึกทางอารมณ์มากขึ้น

หากมองในเชิงสัญลักษณ์ ในอีกมิติหนึ่งที่ไม่ใช่หนัง Si-Fiction บุคคลแปลกหน้าหรือ "Stranger" ไม่ว่าจะเป็น "Eleven" "สัตว์ประหลาด" หรือ "ตัวละครใหม่ ๆ" ในหนัง อาจหมายถึง "อารมณ์" "ความรู้สึก" "ทัศนคติ" รวมไปจนถึง "ความสัมพันธ์" ใหม่ ๆ ของเราเองที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ที่เราจะต้องรับมือและเรียนรู้กับอารมณ์อันหลากหลายเหล่านั้นให้ได้ ราวกับเรียนรู้จักกับบุคคลแปลกหน้าหรือ "Stranger" นั่นเอง

7.5/10

วาทิน ศานติ์ สันติ

#MovieStation #สถานีหนัง

#ซีรีย์SiFiction #ซีรีย์จาก netflix

#ซีรี่ย์ระทึกขวัญ

หมายเลขบันทึก: 663328เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2019 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม 2019 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท