[review] รีวิว DARK Season 1 (2017) (original netflix) ซีรีย์แนวลึกลับ ลี้ลับสัญชาติเยอรมันจากช่อง netflix ที่ได้รับคะแนนการชื่นชมจากนักวิจารณ์สูงมาก และถือว่าเป็นซีรีย์ที่ดูยากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เล่าเรื่องราวเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในเยอรมันปี 2019 เมื่อมีเด็กชายคนหนึ่งหายตัวไปอย่างปริศนา สร้างความตระหนกตกใจให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมาก ซึ่งตำรวจไม่สามารถตามหาตัวหรือเบาะแสได้เลย และอีกไม่กี่วันต่อมา ได้มีเด็กชายคนหนึ่งหายตัวไปอย่างปริศนาเช่นกัน สืบไปสืบมาพบว่า การหายตัวไปของเด็กชายทั้งสองคนนั้นเกี่ยวพันกับการหายตัวไปอย่างปริศนาของเด็กคนหนึ่งเมื่อ 33 ปีก่อนหน้านี้ คือในปี 1986 และที่สร้างความพิศวงมากขึ้นก็คือการหายตัวไปของเด็กชายในปี 1986 นั้นยังมีความสัมพันธ์กับการหายตัวไปของเด็กชายคนหนึ่งก่อนหน้านั้นอีก 33 ปี คือในปี 1953 ซึ่ง ช่วงเวลาทั้ง 3 เวลามีหลายสิ่งหลายอย่างยึดโยงเอาไว้ด้วยกัน แล้วสิ่งใดล่ะเป็นตัวยึดยง ทั้ง 3 เวลานั้นเกี่ยวพันกันอย่างไร ทุกอย่างล้วนดำมืดเพื่อรอคอยแสงสว่าง
ผมดูจบซีซั่น 1 แล้วอยากบอกว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ดูยากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา แม้ว่าจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับปริศนา ความลี้ลับ ตัวเลข 33 วิทยาศาสตร์ ปรัชญา จักรวาลวิทยา รวมถึงเวลา และมิติเวลา ซึ่งแน่นอนว่าน่าสนใจมากๆ
หนังได้สร้างประเด็นคำถามเอาไว้มากมายเช่น
"ไม่ใช่ถามว่าทำไมแต่ควรถามว่าเมื่อไหร่"
"อดีตส่งผลต่ออนาคต และในขณะเดียวกันอนาคตก็ส่งผลย้อนกลับมาหาอดีต"
"การเลือกทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งยังสามารถส่งผล ไปถึงการไม่เลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วย"
เป็นต้น
ซึ่งประเด็นคำถามที่หนังนำเสนอที่ผมยกตัวอย่างนั้น ถือว่าเป็นปมคำถามใหญ่ของเรื่อง ที่ ที่ไหนมีวิธีการอันชาญฉลาดในการตั้งคำถามเหล่านี้ไปทีละประเด็นทีละประเด็น ชวนให้เราติดตามไปตั้งแต่ตอน 1 ถึงตอน 10 แบบหยุดไม่ได้เลยทีเดียว
หนังมีความสลับซับซ้อน สร้างความพิศวงสงสัยให้กับคนดูเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าหากไม่ดูตามลำดับที่หนังวางโครงเรื่องไว้ก็แทบจะไม่สามารถประติดประต่อต่อเรื่องราวอะไรเอาไว้ได้เลย
เมื่อดูจบไปหนึ่งตอน หนังก็ยิ่งสร้างปมใหม่ๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเราแทบเดาไม่ออกว่าหนังจะแก้ปมเหล่านั้นได้อย่างไร แต่ไม้เด็ดของหนังนั้นแน่นอนว่าถูกเก็บเอาไว้ในช่วงที่สำคัญที่สุด และเมื่อมันเฉลย ก็ไม่ต่างกับใช้ไม้นั้นตีหัวคนดู
หนังยังเล่นกับปมต่าง ๆ เหล่านี้เต็มประสิทธิภาพสร้างจุดสังเกตให้กับคนดูเอาไว้อย่างมากมาย เรียกได้ว่าทุกจุดล้วนแต่มีความหมายต่อเส้นเรื่องของหนังเป็นอย่างมาก แต่ความน่าสนใจเหล่านี้กับถูกกลบด้วยปัญหาของตัวละครกล่าวคือ
แต่เนื่องจากมีตัวละครเยอะมาก และตัวละครแต่ละตัวจะเล่าเรื่องผ่านช่วงของเวลาชีวิตอย่างน้อย 2 ช่วงเวลา ช่วงเวลาละ 33 ปี บางตัวละครเล่าเรื่องราวผ่าน 3 ช่วงเวลาช่วงเวลาละ 33 ปี ด้วยความที่ช่วงเวลาทับซ้อนกันขนาดนี้ทำให้ตัวละครที่มีอยู่เยอะมากแล้วก็ทวีคูณมากขึ้นเข้าไปอีก บางตัวละครเดียวมีคนเล่นถึง 3 คนคือ วัยเด็ก วัยกลางคน วัยแก่ จึงทำให้เราแทบจะจำบริบทตัวละครต่าง ๆ แทบไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าใครคือใคร ไม่รู้ว่าใครคือใครในวัยเด็ก และไม่รู้ว่าใครคือใครในวัยโต ไม่รู้ว่าใครคือใครในวัยแก่ และด้วยความที่เป็นหนังสัญชาติเยอรมัน ชื่อตัวละครจริงไม่คุ้นหู จึงทำให้จำชื่อได้ยากมาก
หนังใช้เวลาปูพื้นฐานภูมิหลังของตัวละครเอาไว้มาก ผนวกกับที่มี 3 ช่วงเวลา ทำให้คนอยู่ต้องใช้มันสมองในการจดจำตัวละครไปเสียมาก สำหรับผมแล้วปัญหานี้ค่อนข้างมีปัญหากับเส้นเรื่องหลักอยู่พอสมควร
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของตัวละครก็มีความซับซ้อน ทั้งรักสามเศร้า ทั้งเรื่องราวความลับที่เก็บงำ จนแทบจะจำไม่ได้ว่าใครมีความสัมพันธ์กับใครในรูปแบบใดบ้าง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่ต้องใช้จินตนาการและสมาธิในการจำชื่อ จำหน้า จำช่วงเวลา จำชีวิตของตัวละครสูงมาก แถมยังต้องจดจำรายละเอียดสิ่งของต่าง ๆ ในหนังเยอะมาก
กล่าวได้ว่าการดูซีรีย์เรื่องนี้ควรดูติดต่อกันตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 10 หากทิ้งระยะเวลาในการดูแต่ละตอนนานเกินไป เชื่อว่าจะต้องหลงลืมตัวละครและเรื่องราวไปเยอะมากเลยทีเดียว
ส่วนวิธีการเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างเหนื่อย ช้าและมีระหว่างทางเยอะมาก บางจุดก็รู้สึกว่าแทบไม่เดินไปไหนเลย แถมไทม์ไลน์ของเรื่องยังพันกันยุ่งอีก Flashback กันสนุกสนานเลยทีเดียว
ตัวละครในเรื่องนั้นมีจำนวนมาก แต่พวกมึงกลับกับคนเขียนบทค่อนข้างมีความเก่งกาจในการสร้างบุคลิกของตัวละครได้อย่างเด่นชัด มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีอุปนิสัยโดดเด่นเฉพาะตัว เกลียดบท เฉลี่ยความสำคัญของตัวละครทุกตัวได้ดี เราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครคือพระเอก ใครคือนางเอก ทุกตัวละครล้วนมีความสำคัญพอ ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีตัวละครปริศนา ซึ่งหนังไม่ได้เล่าถึงภูมิหลังของตัวละครเหล่านี้เอาไว้เลย แต่ตัวละครอันนี้กลับมีผลสำคัญต่อเนื่องเป็นอย่างมาก และเข้าใจว่าน่าจะไปเฉลยใน season ที่ 2
การโดยสรุป DSRK Season 1 ด้วยความที่เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ มีปมปริศนาซ่อนเอาไว้มากมาย มีวิธีการคลายปมที่ชาญฉลาด และมีตอนจบที่คาดไม่ถึง จึงทำให้ DARK ดูสนุก คุ้มค่ากับการอดทนดู ทั้งนี้ก็เพื่อการแก้ไขปริศนาว่า ใคร ทำไม เมื่อไหร่ อย่างไร เพื่ออะไร นี่แหละ
7.5/10
วาทิน ศานติ์ สันติ
#MovieStation #สถานีหนัง
#ซีรีย์ลึกลับ #ซีรีย์วิทยาศาสตร์ #ซีรีย์แนวปรัชญา
ไม่มีความเห็น