System thinking คือ คิดเป็น ระบบ ที่ สามารถเชื่อมโยง สรรพสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันได้ เช่น เข้าใจ"เด็ดดอกหญ้ากระเทือนดวงดาว" เข้าใจ " วัฏสงสารและกฏแห่งกรรม (ฝรั่ง Senge เรียกว่า Syncronicity)"
Systematic thinking คือ คิดแบบ system + automatic ทำจนเป็นสันดานไปแล้ว มีข้อเสีย คือ เกิดเป็น Loop ที่อาจจะ นำไปสู่ ปัญหาใหม่ วนหลงในปัญหาเดิมๆ หรื ถ้าโชคดี ก็หลุดออกไปได้ แต่ก็ยาก เพราะ คิดในกรอบเป็นอัตโนมัติไปแล้ว
การบริหารแบบญี่ปุ่น ฝรั่ง สาวกญี่ปุ่น ฯลฯ ที่มีแต่ PDCA โดยไม่คำนึงถึง เด็ดดอกหญ้ากระเทือนดวงดาว ( เอาแต่ results งกๆ เค็ม ๆ ทำลายสุขภาพพนักงานที่เป็นคนละชาติกับพวกเขา ทำโลกร้อน สร้างมลภาวะ เอาสารพิษไปผลิตในประเทศโง่ ๆ )
PDCA ที่ ขาดแนวคิดบุรณาการ นี้จัดเป็น PDCA แบบทำลายล้าง
สังเกต ตำราบริหารญี่ปุ่น ฝรั่ง ที่คนไทยเอามาใช้ มักเป็นแบบ Systematic คือ เอาของเขามา แต่ ไม่ได้ดู บริบทของไทย ไม่ได้rพิจารณาความเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ขาดน้ำใจ ฯลฯ
การบริหารแนวใหม่ ในยุคหน้า จากการสัมนา KM Asia หรือ Society of Learning organization (SOL) ที่เวียนนา
ฝรั่งนักบริหาร กูรู ยุคใหม่มาแนว "สังคมอุดมปัญญา" ทุนทางสังคม ทุนทางความร่วมมือ และ บริหารด้วยความรัก ฯลฯ เป็นองค์กรสนุกสนาน มีความสุข พอเพียง ยั่งยืน ฯลฯ
การบริหารแบบ มีใจ แบ่งปัน พอเพียง ฯลฯ ตอบโจทย์ให้พนักงานทุกคนว่า "เป้าหมายองค์กร กับ เป้าหมายการเกิดมาเป็นคน" เป็นเรื่องเดียวกันครับ
ตำราบริหาร เปลี่ยนไปแล้วครับ เน้น พฤติกรรมคนมากขึ้น อย่ากอดตำราเล่มเก่า หรือ เอาแต่อ่านไม่ลงมือทำสักที
หรือ ถ้าแน่จริง ก็อย่า เสพตำราฝรั่งเลย คิดเอง ทำเอง รวบรวมเอง แบบไทยๆ วิถีไทย วิถีพุทธ ก็ว่ากันไปครับ
รีบๆ ฝึก "สติ" ให้มากๆ ไว้นะครับ ก่อนที่ จะเจอ Global warming --> Atlantic conveyor หยุด ---> ภัยวิบัติทางธรรมชาติ + สงครามแย่งอาหารและแผ่นดิน --> น้ำท่วมโลก + Ice age
เรียน อ.วรภัทร์
ขอบคุณสำหรับความหมายของทั้งสองคำค่ะ เพิ่งได้ฉุกคิดและเพิ่งได้เข้าใจความหมายที่แตกต่างกันนี่เองค่ะ
ปล. ใช่แล้วค่ะ Global warming นี่เรื่องใหญ่มากสำหรับโลกเราค่ะ Kyoto protocol
สวัสดีครับอาจารย์
เข้ามาทักทายครับผม เห็นรูปเท่มากๆครับ
เรวัตร
เรียน อ.วรภัทร์
ผมก็ดึงเข้าแพลนเน็ต กูรู km thailand เรียบร้อยโดยไม่ได้ขออนุญาต เช่นเดียวกับ อ.แฮนดี้ครับผม
ส่วนใหญ่ นกขนเดียวกัน จะบินไปด้วยกัน หมายความว่า คนดีจะอยู่กับคนดี คนร้ายจะคบกับคนร้าย คนร้ายไม่ส่งเสริมคนดี ฯลฯ
ยกเว้น ตก "กระแสธรรม" เป็นร่องที่ "ไร้ร่อง" เป็นความคิดที่ผุดออกมาจากจิตที่ว่าง จิตโล่ง โปร่งสบาย ไม่มี อคติ ไม่ลำเอียง (จิต กับ ความคิด ต้องแยกแยะออกจากกันให้ได้นะครับ ตามดู ตามรู้ ให้เท่าทัน ความคิด อย่าให้ความคิดปรุงแต่วจิต )
PDCA เป็น Tools ซึ่ง Tools ต่างๆ เป็นเหมือน กระบี่ ทำเราเจ็บได้ ทำคนอื่นเจ็บได้ด้วย กระบี่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนใช้
ผู้บริหารญี่ปุ่น ฝรั่ง จีน ไทย ฯลฯ หลายคน ใช้ PDCA ไปในทางเห็นแก่ตัว ไปคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ ฯลฯ ทำให้ เกิด Global warming ตอนนี้วิกฤต มากแล้ว
เรียน อ.ดร.วรภัทร์
ขอบคุณครับที่ตอบให้หายข้องใจ
เสียดายที่ไม่ได้ไปงาน KM ในวันนั้น แต่ก็โชคดีที่ยังมีผู้รู้อีกหลายท่าน นำเรื่องราวต่างๆ มาเผยแพร่เป็นอานิสงค์ให้กับบุคคลทั่วไป นี่สิครับ Show & Share ที่แท้จริง
ผมสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน อ่านตำราฝรั่งเพื่อให้รู้ว่าฝรั่งคิดอะไร อย่างไร เราจะได้รู้เท่าทันเขา แล้วมาคิดตามบริบทของไทยเราเอง เช่น ภูมิรู้(Knowledge) ภูมิธรรม(Practical) และภูมิแห่งความเป็นไทย(Being THAI) คือหัวใจของผู้นำการเปลี่ยนแปลง ถ้าจะพูดให้ดูคล้องจองกันอาจเขียนได้ว่า "แสวงหาความรู้ นำสู่การปฏิบัติ ยืนหยัดความเป็นไทย" ดังนั้น การคิดอย่างเป็นระบบต้องเริ่มต้นคิดที่บริบทสังคมไทยเป็นปฐมฐิติ มองระบบต่างๆของไทยว่าในอดีตมีความเป็นมาอย่างไร ส่งผลถึงปัจจุบันอย่างไร สภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร มีเหตุหรือปััจจัยอะไรบ้างที่มากระทบระบบ แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จะจัดการอย่างไรกับผลที่เกิด...
เอาไ้วไ้แค่นี้ก่อนครับ ท่านผู้รู้ได้อ่านแล้วคิดเช่นไรครับ ขอคำชี้แนะด้วย