รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์)
รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์) ครูตาล วงษ์ชื่น

ครูดีไม่มีอบายมุข"


              แรงบันดาลใจที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข และวิธีการปฏิบัติหรือปฏิเสธ ที่ทำให้ข้าพเจ้าปลอดอบายมุขทั้งปวงเหล้า เบียร์ บุหรี่ และการพนันทุกรูปแบบ (แรงบันดาลใจเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่สามารถคัดลอกกันได้) 

             ข้าพเจ้า นางรัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น เป็นลูกชาวนาโดยกำเนิด มีพี่น้องทั้งหมดรวม 9 คน เคยถามตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมครอบครัวของเรา พ่อแม่ พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหมด ไม่มีใครดื่มเหล้า เบียร์ สูบบุหรี่ หรือเล่นการพนัน ก็ได้คำตอบว่า พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหญิงและชาย ได้ต้นแบบที่ดีจากพ่อแม่นั่นเอง พ่อแม่ของข้าพเจ้า เป็นชาวนาชาวสวนที่มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขทุกประเภท ปฏิบัติศีลห้าอย่างสม่ำเสมอ ท่านจึงปลูกฝังและสอนลูก ๆ ทุกคนว่าอบายมุชเป็นศัตรูตัวร้าย ข้าพเจ้าน่าจะรวมถึงลูกคนอื่น ๆ ด้วย จำได้เสมอถึงคำสอนของพ่อ เช่น “โจรปล้นหรือไฟไหม้บ้านยังเหลือที่ดิน แต่การพนันจะทำให้ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ดิน” “กินเหล้าเสียทั่งเงิน เสียทั้งงาน ทะเลาะกับชาวบ้านอีกต่างหาก” พ่อจะปลูกฝังลูก ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ โดยพ่อและแม่จะทำให้ดูเป็นแบบอย่าง เป็นตัวอย่างที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย มีความขยันหมั่นเพียร จนเป็นแบบอย่างของคนในหมู่บ้าน ขยายถึงระดับอำเภอ เป็นเกษตรกรดีเด่น พี่ชายคนโตก็เช่นกัน ข้าพเจ้าเคยบันทึกเรื่องของพ่อไว้ที่นี่ บันทึกที่ยาวที่สุด : สองมือพ่อ คลิกอ่านได้ค่ะ

             ดังนั้นเมื่อถามว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขคืออะไร ตอบได้ทันทีว่า อันดับแรกคือ “ครอบครัว และบุคคลในครอบครัว” อันดับต่อมาคือ “อาชีพ” ข้าพเจ้ามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นครูตั้งแต่สมัยเรียนประถม อยากใช้สิ่งที่ซึมซับจากครอบครัว ทั้งในด้านวิธีปฏิบัติและ วิธีปฏิเสธให้ปลอดอบายมุข มาใช้ในการสอนเด็ก เมื่อขึ้นระดับมัธยมปลาย ข้าพเจ้ามักรวบรวมเด็ก ๆ ลูกเพื่อนบ้าน ระดับประถมศึกษาในละแวกหมู่บ้าน มาสอนการบ้านทุก ๆ เย็น และก็มักสอดแทรกเรื่องโทษของเหล้า โทษของบุหรี่ เด็กบางคนเริ่มอยากลองสูบบุหรี่ตามพ่อแม่ แต่ข้าพเจ้าก็สามารถเปลี่ยนความคิดเด็ก ๆ เหล่านั้นได้ ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า “อาชีพครู” คืออาชีพที่ต้องเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์ ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทุกชนิดอย่างสิ้นเชิง จะเป็นด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อพี่ ๆ น้อง ๆ ของข้าพเจ้า รวมถึงข้าพเจ้าเอง ถึงเวลามีคู่ครอง ไม่ว่าจะเป็นเขย หรือเป็นสะใภ้ ทุกคนที่เข้ามาในครอบครัวของเรา ล้วนไม่มีใครข้องเกี่ยวกับอบายมุข ก็มีอยู่บ้างเหมือนกันที่พี่สาว ต้องไปหมั้นกับผู้ชายวงไพ่โดยการชักนำของผู้ใหญ่ แต่พอพี่สาวบังเอิญไปเห็นคู่หมั้นตัวเองเล่นการพนันพี่สาวก็ขอถอนหมั้นทันที 

              สำหรับข้าพเจ้าเอง เมื่อสามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูได้ไม่กี่ปี ก็มีคู่ชีวิตเป็นผู้บริหารโรงเรียนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขใด ๆ เช่นกัน เป็นผู้บริหารที่เป็นแบบอย่างให้ลูกน้อง ในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นอันดับต่อมาที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขไม่ว่าจะมีความยั่วยุจากสังคมเพียงใดก็ตาม คือ “คู่ครองและลูก” ชองข้าพเจ้า คู่ครองที่เป็นคู่ชีวิต เป็นพ่อของลูก ๆ นั่นเอง ข้าพเจ้ามีลูกชายสองคน ผ่านวัยรุ่น วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ วัยฮอร์โมนว้าวุ่น วัยสิบแปดฝนสิบแปดหนาว จนบรรลุวุฒิภาวะ ยี่สิบกว่าปีแล้วทั้งสองคน ลูกชายทั้งสองไม่เคยข้องเกี่ยวกับสิ่งเสพติดใด ๆ เคยถามลูกว่าไม่อยากลองบ้างเหรอ ลูกบอก “ไม่” “ลูกเกลียดเหล้าเกลียดบุหรี่ ลูกไม่อยากเข้าใกล้ ลูกเห็นคนดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ลูกเดินหนีเลยแหละ” เรื่องลูกเกลียดบุหรี่ ข้าพเจ้าเคยได้บันทึกเล่าไว้ที่นี่ เลี้ยงลูกให้เกลียดบุหรี่ดีกว่ามั้ย คลิกอ่านได้ค่ะ

              กล่าวโดยสรุป แรงบันดาลใจที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขทั้งปวง ปลอดเหล้า เบียร์ บุหรี่ และการพนันทุกรูปแบบ อันดับหนึ่งคือ ครอบครัวและคนในครอบครัว อันดับสองคือ อาชีพครู อันดับสามคือ คู่ครองและลูก หากจะเพิ่มอีกอันดับที่เป็นพลังเสริม คือ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย พ่อหลวงที่เป็นต้นแบบในการไม่ข้องเกี่ยวอบายมุขใด ๆ เป็นทั้งพ่อของแผ่นดิน และครูแห่งแผ่นดิน และเป็นแรงบันดาลใจเป็นพลังขับที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ข้าพเจ้าตั้งปณิธานว่า จะเป็นครูของศิษย์ เป็นแม่ของลูก ที่ปลอดอบายมุขทั้งปวงตลอดชีวิต

หมายเลขบันทึก: 662487เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2019 11:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม 2019 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท