การคิดเชิงนวัตกรรม


ผมอบรมให้กับนักส่งเสริมการเกษตร เป็นคอร์สที่ 3 แล้ว เฉพาะในปีนี้ การคิดเชิงนวัตกรรม (Innovative thinking) เป็นระบบความคิดแบบใหม่ที่เรารู้จักไม่กี่ปีมานี้ เป็นการคิดแบบแปลกๆ ไม่มีลำดับ แค่ตั้งโจทย์ขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง  แล้วก็ตั้งคำถามประหลาดๆ กระตุ้นต่อมเอ๊ะ   แล้วก็คิดแบบคิดอะไรก็ได้ คิดแบบหลุดโลก คิดแบบไม่เอาเหตุเอาผลเดิมๆ ไม่เอาถูกผิด คิดแบบเด็กๆ ที่เต็มล้นด้วยจินตนาการ ไม่ต้องมีที่มาที่ไป  คิดต่อยอดไปเรื่อยๆ จนปิ๊งแว้บ ได้นวัตกรรมที่อาจใช้ได้จริงทันที หรือมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างประดิษฐ์กรรมขึ้นมา ซึ่งการคิดแบบนี้ ทีแรกจะงงว่า คิดอะไรวะ ไร้สาระจริงๆ แต่กลับทึ่งที่ได้สาระในทีหลัง แถมเป็นสาระแบบก้าวกระโดด ที่อาจสร้างสิ่งใหม่ๆ มาแก้ปัญหาเดิมๆ ให้ลุล่วงได้อย่างรวดเร็วกว่าวิธีเดิมๆ มาก

จะว่าไปแล้ว การคิดแบบนี้มีมานานแล้ว แต่เมื่อก่อนเราเรียกว่า การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative thinking) แต่เรามักจะมองว่าเป็นความคิดที่จำกัดอยู่เฉพาะในวงของพวกตีสท์ หรือ ครีเอทีฟ เท่านั้น ไม่ใช่ความคิดของคนทั่วไปจะคิดได้  แต่พอโลกมาถึงยุค 4.0 เราจึงยอมรับความคิดเชิงนวัตกรรมว่า ทุกคนก็คิดแบบนี้ได้ เราจึงเห็นคนรุ่นใหม่แสดงสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ทางคลิปทุกวัน

ทุกคนมีไอเดียสร้างสรรค์จากจินตนาการอยู่แล้วตั้งแต่เป็นเด็ก เราคงจำได้ว่าเด็กๆ เรามีจินตนาการสูงขนาดไหน แต่การศึกษา สังคม สภาพแวดล้อม และค่านิยม พยายามตีกรอบใม่ให้เราคิดออกนอกกรอบเหล่านี้จนเกิดเคยชิน  จินตนาการจึงหายหมด นักวิทยาศาสตร์คำนวนว่า Creativity ของสมองผู้ใหญ่ ลดลงเหลือแค่ 2% เท่านั้น จากวัยเด็กมีเต็ม 100 !! ถือเป็นโศกนาฎกรรมครับ  ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยคิดอะไรใหม่ๆ คิดอยู่แต่ใน Comfort Zone เดิมๆ

ผมชอบคิดนอกกรอบมาตั้งแต่เด็ก จนเพื่อนๆ บอกว่าไอ้นี่มันบ้า ชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง  ผมไม่ได้แอนตี้โซเซี่ยล แต่ผมมองว่ากฎระเบียบและกรอบสังคมเป็นสิ่งจำเป็น แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันมากไป และบางกฎก็ไร้สาระแต่คนก็ยังทำตามแบบขาดวิจารณญาณกันอยู่ได้  บางเรื่องควรจะเปลี่ยนแต่ก็ไม่เปลี่ยนกัน เรามีคุณธรรมพื้นฐานไม่เบียดเบียนกัน และค่านิยมเพื่อความรักสามัคคี นี่นับว่าพอแล้ว การมีกรอบมากมายเป็นสิ่งรุงรัง โลกหมุนเร็วขึ้น เราจะมาคลานตามๆ กันอยู่ไม่ได้แล้ว...  

คือธรรมชาติของมนุษย์กลัวการเปลี่ยนแปลงครับ กลัวไม่ปลอดภัย สู้ยอมทนอยู่กับปัญหาเดิมๆ ดีกว่า  อย่าคิดอะไรที่แปลกแยกออกไปเลย สมองจะสั่งแบบนี้ ทำแบบเดิมๆ ทนแบบเดิมๆ ไปเหอะ อย่าเปลี่ยนๆ ... เราเองลองย้อนคิดถึงตัวเองดู ว่าเราอยู่กับปัญหาเดิมๆ นานแค่ไหนแล้ว รถติด เครียด งานไม่เดิน เงินไม่พอ   มีปัญหากับเจ้านาย ปัญหากับคนใกล้ตัว ... นี่ปัญหาเดิมๆ ที่เราทนอยู่ไม่คิดเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น   ทุกวันนี้คนเข้าใจมากขึ้นกับความคิดนอกกรอบ คนที่คิดเชิงนวัตกรรมเก่งๆ และทำการตลาดเก่งจึงกลายเป็นผู้นำ  โลกสมัยนี้ ผู้นำไม่ใช่ผู้ปกครองแล้วนะครับ เราต้องปรับทัศนคติเสียใหม่ ผู้นำคือผุ้ที่กำนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมกับ Big Data เอาไว้ เค้าจะเปลี่ยนโลกไปทางไหนก็ได้ตามใจเค้า



วิชาการคิดไม่ค่อยมีคนสอนครับ มีแต่สอนความรู้
... งงไหมครับวิชา "การคิด" ...คืองี้ ..การคิดเป็นระบบครับ ถ้าเราเข้าใจการทำงานของสมองแล้ว เราจะออกแบบวิธีการสอนให้เกิดการคิดได้...ผู้เรียนจะคิดอะไรๆ ออกมาได้เอง กลายเป็นความรู้มือหนึ่ง ซึ่งไม่มีในตำราไหน ดร. เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน ปรมาจารย์นักคิดในปัจจุบัน กล่าวว่า ถ้าเรามีหลักสูตรสอนการคิด ป่านนี้โลกเจิญกว่านี้อีกหลายร้อยปี  หมายถึง เราจะเหาะได้อย่างชิลๆ ไม่ต้องใช้รถกันละ  และมีประตูข้ามมิติแบบโดราเอมอนใช้กันอย่างดาษดื่น !!

การอบรมให้นักส่งเสริมการเกษตร ซึ่งทำงานวิชาการมาทั้งชีวิต มีความคิดเชิงระบบ ใช้เหตุผลเอาถูกเอาผิด จะให้มาคิดนอกกรอบ ดูน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็คิดนอกกรอบอีกละครับตามประสาคนบ้า ...ดีซิ คนที่คิดแต่ในกรอบ พอทะลายกรอบมา จะยิ่งเห็นความเป็นไปได้อะไรได้มากมาย ซึ่งก็สำเร็จครับเหมือนทุกๆ คอร์สที่ผมสอน ได้นวัตกรรมกลับไปทุกท่าน ...แหม เดี๋ยวจะว่าโม้   ชมคลิปที่ผมแชร์ไว้นี้ละกัน... 

หมายเลขบันทึก: 662220เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2019 12:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2019 12:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท