โลกเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง โลกมีหลายสิ่งที่เราได้พบ การเห็นสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ก่อเกิดปัญหาที่มนุษย์ต้องการแสวงหาคำตอบ เช่น โลกหมุนรอบตนเองจริหรือถ้าจริงทำไมเราไม่รู้สึกเวียนศีรษะขณะที่โลกมันหมุนไป โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์จริงหรือถ้าจริงทำไมเรายืนมองเห็นแต่ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นท้องฟ้าทางทิศตะวันออกและโค้งลงหายลับไปทางด้านฟากฟ้าทางทิศตะวันตก ขณะเรายืนอยู่บนโลกใบนี้ได้แหงนมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนมักจะได้พบแสงแห่งดาวเดือนและดวงดาวต่าง ๆ ที่ส่องแสงสว่างระยิบระยับจนบางครั้งอาจทำให้ผู้เห็นได้เกิดจินตนาการไปต่าง ๆ นานา
เพื่อค้นหาคำตอบเรื่องโลกอันเป็นที่อยู่อาศัยของสรรพสิ่งทั้งหลายจึงมีนักคิดนักวิชาการทั้งหลายได้บันทึกไว้ให้ได้เรียนรู้กัน โดยเฉพาะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับด้านศาสนาได้บันทึกไว้อย่างน่าสนใจว่า โลกนี้เป็นฝีมือการสร้างของเทพเจ้า พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่อยู่ของสรรพสิ่งทั้งหลายโดยเฉพาะการสร้างสวนเอเดนให้กับมนุษย์คู่แรกคืออาดัมและเอวาเพื่อให้ได้เป็นที่อยู่อาศัยก่อนที่จะขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์ออกไปทั่วโลก และแม้แต่ดินแดนอันไกลโพ้นห่างกันแสนไกลก็ยังมีแนวคิดคล้ายคลึงกันดังกรณีดินแดนชมพูทวีปที่บันทึกไว้ในคัมภีร์พระเวทมีการกล่าวถึงพระพรหมดุจดังพระผู้สร้าง ซึ่งเราได้ยินอยู่เสมอว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่นี้คือพรหมลิขิตทั้งนั้น ความเชื่อต่าง ๆ เหล่านี้จัดอยู่ในสายศาสนาฝ่ายเทวนิยม
สำหรับศาสนาฝ่ายอเทวนิยมนั้นเป็นศาสนาที่ถือว่าเทพเจ้าอาจมีหรือไม่ก็ไม่ให้ความสำคัญเท่ากับการพัฒนาตนเองให้เป็นคนมีความสามารถ เช่น แนวคิดทางพระพุทธศาสนา ซึ่งมีมุมคิดที่น่าสนใจว่า โลกนี้ล้วนประกอบขึ้นด้วยเหตุปัจจัยที่อิงอาศัยกันและกันจึงเกิดมีขึ้น เกี่ยวกับโลกได้แบ่งออกเป็นดังนี้
1.โลกคือสถานที่อยู่อาศัยของสรรพสิ่ง โดยเชื่อกันว่าเป็นโลกที่หมุนรอบตนเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ โลกนี้อยู่ในระบบสุริยจักรวาล มองในแง่วิทยาศาสตร์ถือว่าโลกนี้เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเท่านั้น
2.โลกคือศาลา ในเชิงมิติที่ซับซ้อน นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตแล้วยังมีความเชื่อว่าเป็นศาลาพักจิตวิญญาณของผู้ตายที่เรียกว่าโลกนรก เพราะมีความเชื่อว่าลึกลงไปใต้ผืนดินนี้ยังเป็นเมืองนรกเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นรก และยังมีความเชื่อเรื่องเมืองบาดาลอันเป็นที่อยู่ของพญานาค ดังกรณีที่เราได้เรียนรู้เรื่องบั้งไฟพญานาคในลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของบั้งไฟพญานาคในวันเพ็ญ 15 ค่ำ วันออกพรรษาอันเป็นประเพณีสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตามวันเวลาดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางไปชมบั้งไฟพญานาค ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย เป็นต้น
3.โลกคือสวรรค์ก็เป็นอีกโลกหนึ่งที่มีความเชื่อว่าอยู่เหนือแผ่นดินของโลกนี้ขึ้นไปบนฟากฟ้า โดยมีความเชื่อว่าเป็นเมืองสวรรค์ทีเทวดาอาศัยอยู่ เป็นต้น
4.โลกคือร่างกายของมนุษย์นี่มีความยาวหนึ่งวาหนาหนึ่งคืบเป็นโลกเฉพาะแต่ละคน
5.โลกคืออากาศ ถือว่าเป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่มีการเรียนรู้เพื่อการคิดวิเคราะห์ ด้วยในอากาศก็มีสิ่งมีชีวิตแต่อยู่คนละมิติกับมนุษย์
นอกจากโลกที่กล่าวมาแล้วยังมีความเชื่อว่า มีโลกกลม ๆ วงรี ๆ อันเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอย่างนี้อีกหลายดวงที่หมุนรอบตนเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ในระบบสุริยจักรวาลของตน ซึ่งโลกดังกล่าวนี้ มวลมนุษย์โลกของเราต่างมีความเชื่อว่าเป็นโลกที่มนุษย์ต่างดาว ( alien ) ได้อยู่อาศัยอยู่และเคยมีปรากฎการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นได้มาเยือนโลกของเราแล้วหลายครั้ง
ก.โลกมนุษย์
เรื่องโลกของมนุษย์นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์เท่านั้นสร้างขึ้น ถามว่ามนุษย์เกิดมาได้อย่างไร ตอบไม่ง่ายนักเพราะนับถอยหลังไปแสนนานที่ไม่อาจค้นหาหลักฐานพบเพียงแต่มีการคาดเดาเอาว่าเมื่อโลกกลม ๆ หมุนไปในอากาศดวงนี้มีดินมีน้ำมีลมมีไฟครบทุกสิ่งจึงบังเกิดมีขึ้นมาแล้วอยู่มาวันหนึ่งสมมุติว่ามนุษย์ถ้ำปรากฎให้เราได้ศึกษาและค้นหาความเป็นมาของพวกเขานั้น โดยพวกเขาอาศัยอยู่ตามถ้ำตามเพิงผาคงหลบความหนาวเย็นของอากาศมีความเป็นอยู่สอดคล้องกับธรรมชาติแล้วพัฒนามาตลอดจนกลายมาเป็นกลุ่มคนรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านป่า แล้วพัฒนามาเป็นสังคมคนท้องถิ่นและสังคมคนเมืองตามลำดับ
ตลอดเวลาที่ดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์เรานั้นต้องพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมีทั้งเรื่องที่ชวนให้เกิดความทุกข์ใจจนน้ำตาไหลร้องไห้ไม่ยอมหยุด มีทั้งเรื่องชวนตลกขบขันหัวเราะสบายใจไปกับความเป็นมายาภาพของสิ่งที่ได้พบ เอาเป็นว่ามนุษย์ทุกชีวิตต้องพบอาจแบ่งได้เป็น 3 ข้อคือ ความทุกข์มาก ความทุกข์น้อย และความไม่รู้สึกทุกข์เลย
ความทุกข์มากนั้นเมื่อเรียนรู้เข้าไปถึงรากเหง้าของความทุกข์ว่ามันเกิดความทุกข์ที่ไหน อาจตอบได้ว่ามันเกิดความทุกข์ที่จิตใจเราไปกระทบสัมผัสแล้วติดยึดกลายเป็นตัวเราของเราไงละ เพราะเราไปยึดถือสิ่งนั้นมากมันก็เกิดความทุกข์มาก เมื่อหาทางออกไม่เจอ เราก็ตันกับความคิดอย่างนั้น ด้วยเหตุนี้ท่านผู้รู้จึงชี้แนะแนวทางสว่างให้เราได้หาทางออกเจออย่างไรละ การมีเพื่อนคู่คิดมีมิตรคู่บ้านจึงเกิดมีขึ้นจนกลายเป็นสังคมมนุษย์จากกลุ่มน้อย ๆ ก็เป็นสังคมมนุษย์ที่ใหญ่ขึ้นโดยรวมกันอยู่เป็นชุมชนหมู่บ้านตำบลอำเภอจังหวัดและถูกแบ่งออกเป็นประเทศต่าง ๆ กระจายไปทั่วโลก
เมื่อมนุษย์ขยายเผ่าพันธุ์มากขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีประมาณ 7,000 ล้านคนแล้วจึงอาจกล่าวได้ว่าโลกนี้ถูกมนุษย์ยึดครองกลายเป็นโลกมนุษย์ไปในที่สุด
ไม่มีความเห็น