เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อทำอะไร เกิดมาเพื่อใคร
เมื่อตอนเราเป็นเด็ก เราเคยสงสัยบ้างไหม ว่าเราเกิดมาทำไม เราเป็นใครมาจากไหน เกิดมาได้อย่างไร เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อใคร เกิดมาเพื่อทำอะไร หรือ เราจะทำอย่างไรดีตอนนี้ และในอนาคตจะเป็นเช่นไร เราจะเดินไปทางไหนดี
เราเกิดมาเป็น คน ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต้องได้รับการดูแลเลี้ยงดูจนกว่าจะโตพอที่จะสามารถทำอะไรได้เอง พึ่งพาดูแลตนเองได้และคนก็เป็นสัตว์สังคม ที่ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น ไม่สามารถอยู่ได้เพียงตัวเดียวลำพัง จึงต้องได้รับการสอนให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น ปรับตัวเข้ากับคนในสังคมให้ได้ และเป็นสัตว์ประเสริฐที่มีพัฒนาการทางจิตใจมากกว่าสัตว์เดรัจฉานที่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น ส่วนสัตว์เลี้อยคลานนั้นทำตามสัญชาตญาณความอยู่รอดเท่านั้น ที่เกิดมาก็หากินเองได้ อยู่รอดได้แม้จะอยู่ตัวเดียวลำพัง ไม่ต้องให้ตัวพ่อตัวแม่สอนในการหากินก็หาเลี้ยงตัวเองได้ หรือไม่ต้องสอนในการเข้าสังคมเพราะไม่ได้อยู่กันเป็นฝูง ไม่ใช่สัตว์สังคม
เรามีบุญกุศลวาสนามากพอ ที่ได้เกิดมาเป็น คน ไม่งั้นเราก็เกิดเป็นสัตว์ที่ทำตามสัญชาตญาณความอยู่รอดเท่านั้น สัตว์ไม่มีความคิดจิตใจ ที่สามารถแยกแยะดีชั่วถูกผิด ทางศีลธรรม คุณธรรม คนมีจิตสำนึก คิดคำนึงถึงสิ่งที่ถูกที่ควร สิ่งที่ผิดต่อศีลธรรม มีวิจารณญาณ(ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลอย่างถูกต้องได้) เพราะตัวเราเมื่อชาติที่แล้วมีการทำความดีอยู่พอสมควร ดวงจิตวิญญาณจึงได้จุติเกิดมาเป็น คนมนุษย์บนโลกนี้
เราเกิดมาจากความรักความผูกพันความเสน่หาของหญิงและชายหนึ่งคู่ที่รักกัน ซึ่งสร้างความสัมพันธ์กันด้วยความรักความห่วงใย เอาใจใส่เห็นอกเห็นใจ ปรารณาดีซึ่งกันและกัน ต้องการใกล้ชิดสนิทสนมอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง ปลอดภัยไร้กังวล อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น ชื่นใจ ทำให้หัวใจอิ่มเอมมีความสุข เหมือนหัวใจได้เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป มาเติมเต็มหัวใจด้วยความรัก จนพัฒนาความสัมพันธ์รักใคร่ปรารถนาต่อกันและกัน ที่มาพร้อมกับ ความเชื่อมั่น ไว้วางใจ ซื่อสัตย์ภักดี มีความรัก และพร้อมที่จะมีความรับผิดชอบในการสืบพันธุ์ด้วยการมีสัมพันธ์สวาท ปฏิสนธิ ทำให้เราเกิดมาจากผลผลิต เป็นลูก ทายาทผู้สืบสกุล ที่มาจากความรักใคร่สเน่หาของชายและหญิงคู่รักกัน คือ พ่อและแม่ของเรานั่นเอง เมื่อเขาเปลี่ยนสถานะมาเป็นพ่อแม่ จึงเป็นความรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง ปกป้อง ดูแลเอาใจใส่ ให้ความรัก ความปลอดภัย มีความสุข ทั้งทางกายและทางจิตใจ ซึ่งเราเป็นลูกที่เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ และพ่อแม่ก็มอบความรักความห่วงใยเอาใจใส่ให้กับตัวเรา
เมื่อพ่อแม่รู้ว่าเราได้รับการปฏิสนธิสำเร็จ เป็น ทารกเกิดมาอยู่ในครรภ์ ท้องแม่ตั้งครรภ์ พ่อและแม่จะให้การดูแล ระมัดระวัง ปกป้อง คุ้มครอง ป้องกันดูแลให้ความปลอดภัย ระหว่างที่ตัวเราอยู่ในครรภ์มารดาอย่างดี ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่ รักษาบำรุงอย่างทะนุถนอมตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ด้วยการตอบสนองความพอใจทางกายที่ได้รับจากสารอาหารที่แม่รับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่าผ่านทางสายรก และได้รับความรัก ความอบอุ่นทางใจ ที่พ่อแม่ให้จากการสัมผัสลูบท้อง พูดคุยด้วย ให้ความเอาใจใส่ต่อแม่และทารกที่อยู่ในครรภ์เป็นอย่างดี ให้เติบโตอย่างแข็งแรงและปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย พร้อมที่จะเกิดออกมาใช้ชิวิตมองดูโลกภายนอก
แม่ต้องสละเลือดเนื้อเพื่อสร้างเราให้เกิดมามีสุขภาพแข็งแรงสมบรูณ์ และ
แม่ต้องยอมเสียสละ ยอมอดทนต่อความเจ็บปวดทางกาย เพื่อคลอดให้เราเกิดมา แม่ต้องปวดท้องปวดร้าวเจ็บแน่นแป๊บร้องเสียงดังแทบจะทนไม่ไหว แต่แม่ก็อดทนต่อความเจ็บปวดเพื่อให้เราคลอดออกมาได้ มีชีวิตรอดเป็นคน แม้ว่าแม่บางคนจะผ่าท้องทำคลอดลูก ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ต้องผ่าตัดและมีอาการเจ็บหลังการคลอดต้องใช้เวลาในการรักษาแผลพักฟื้นให้หายเจ็บ แต่ก็เหมือนกันทุกคนที่เป็นแม่คน คือ ยอมแลก ความเจ็บปวด กับ การให้เราเกิดมาได้อย่างปลอดภัยแข็งแรงแม่ก็มีความสุขใจ ภาคภูมิใจ อิ่มเอมใจ เต็มใจโดยไม่ลังเล ใจแกร่งเข็มแข็งพอที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดทางกาย มีกำลังใจดีเยี่ยม ยอมเสียสละให้ผ่านพ้นความเจ็บปวดถึงแม้จะเจ็บเข้าไปถึงกระดูก เสียเลือดเนื้อ ยอมเสี่ยงอันตราย ก็เพื่อที่ให้กำเนิดลูกขึ้นมาลืมตาดูโลก การมีบุตร เป็นผลผลิตที่มีค่าทางจิตใจ เป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้พ่อแม่ปลาบปลื้มปิติยินดี มีความสุขเติมเต็มหัวใจ ชื่นใจ โลกดูสว่างสดใสขึ้น ที่ตัวเรามีชีวิตเกิดมาเป็นลูกของท่าน ดาวดวงน้อยแก้วตาดวงใจของแม่และพ่อ (แม้ว่าพ่ออาจไม่ต้องเจ็บกายในการให้กำเนิดเรา แต่พ่อก็ต้องทำงานหาเงินจ่ายค่าทำคลอด ค่าเลี้ยงดูเรา)
เมื่อเราคลอดออกมา เกิดมาเป็น เด็กทารก เรายังไม่สามารถที่จะช่วยเหลือดูแลตัวเอง ต้องพึ่งพาแม่พ่อให้คอยดูแลเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใย ให้นมจากเต้าที่กลั่นมาจากเลือดสายโลหิตของแม่ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำหาอาหารให้กิน เช็ดขี้ทำความสะอาดร่างกาย เอาใจใส่ดูแล Take Care ด้วยความรัก เกือบจะตลอดเวลาในตอนที่เรายังเป็นเด็กทารก ร้องไห้เพราะหิว หรือเพราะเปียกฉี่รดที่นอนไม่สบายเนื้อตัว หรือไม่สบายตัวเป็นไข้ตัวร้อน แม่พ่อก็เป็นคนดูแล เอาใจใส่เรา คอยเอาอกเอาใจ เพื่อทำให้ตัวของเราได้รับการตอบสนอง พอใจ ปลอดภัย สบายใจมากขึ้น กินอิ่ม ถ่ายออก นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ให้เติบโต สุขภาพแข็งเรง มีพัฒนาการได้ดีขึ้นตามวัยที่สมควร ทำให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจ ต่อคนรอบข้าง ที่คอยให้การเลี้ยงดูแล ทั้งพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง
พอผ่านสู่วัยทารก เติบโตเป็นเด็กปฐมวัยแรกเริ่มก่อนวัยเรียน ที่พอช่วยเหลือตัวเองได้บ้างบางเรื่องเท่านั้น ต้องให้พ่อแม่สอนชี้แนะให้หัดทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น สอนให้หัดเดิน ช่วงแรกแม่พ่อก็จะประคองให้ลูกเดินในช่วงแรก เมื่อมั่นใจว่าลูกจะทรงตัวเดินได้เอง จึงกล้าปล่อยให้ลูกหัดเดินเองแต่ก็คอยระวังป้องกัน เตรียมรับประคองหากเราเดินแล้วเซล้มก็คว้าเอาไว้ได้ทัน ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตราย หรือ ผึกหัดให้ถือขวดนมเอง กินข้าวเอง หรือ สอนให้หัดพูดสื่อสารบอกความต้องการของตนเองต่อคนอื่นได้ เช่น หิวข้าว ปวดฉี่ ปวดท้องอึ ง่วงนอน เป็นต้น และคอยปกป้องคุ้มครอง ทะนุถนอม มดไม่ให้ไต่ ยุงไม่ให้กัด แมลงวันไม่ให้ตอม พ่อแม่ หรือญาติคนเลี้ยงดูแลเด็ก คอยทำความสะอาดเมื่อเนื้อตัวเราสกปรก เช็ดน้ำมูก น้ำลาย ยกตัวอย่างเป็นต้น สอนให้เด็กได้มีความสามารถในการช่วยตัวเอง พี่งพาตนเองได้มากขึ้น นำไปสู่ การรู้จักถึงขอบเขตความสามารถที่กระทำได้ และการห้ามปรามสิ่งที่กระทำไม่ได้ไม่ควรทำ เพราะหากฝ่าฝืนทำ จะส่งผลเสียหายเป็นอันตรายต่อตัวเด็กเอง และอาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่น
เข้าสู่วัยเรียน พ่อแม่ก็ส่งเราไปเรียนหนังสือ ให้ได้รับการอบรมสั่งสอนทั้งจาก ครูอาจารย์ พ่อแม่ และคนรอบข้าง ให้รู้จัก สอนให้อ่านออกเขียนได้พู ดดีทำดี ทำอะไรด้วยตนอง มีความรับผิดชอบในตนเอง ฝึกควบคุมร่างกายและจิตใจให้ได้ดีมากขึ้น หาข้าวให้กิน ให้เงินไปโรงเรียนซื้อข้าวซื้อขนมกิน สอนให้รู้อะไรควร อะไรไม่ควรทำ รู้จักแยกแยะดีชั่ว ถูกผิด สอนให้มองโลกในแง่ดี และในแง่ความเป็นจริง ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และคำนึงถึงผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัวเกินไป รู้จักการวางตัวได้ถูกต้องตามสถานะ
วัยรุ่น เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องปรับตัว ทั้งร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กก้าวไปสู่ช่วงต้นของวัยเจริญพันธ์ มีการพัฒนาทางเพศพร้อมที่จะสืบพันธ์ได้ ฮอร์โมนและการเติบโตทางร่างกายที่เห็นได้ชัดบ่งบอกเพศอย่างชัดเจน (ผู้ชายมีลูกระเดือกใหญ่ขึ้น ไหล่ผายกว้างขึ้น เสียงแตกเปลี่ยนไป ผู้หญิงสะโพกและอกขยายใหญ่ขึ้น) ที่สำคัญโดยเฉพาะด้านจิตใจ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงระดับสารเคมีและฮอร์โมนในร่างกาย เลือดลมพลุ่งพล่าน ส่งผลถึงจิตใจ มีความคิดใจเร็วด่วนได้ ใจร้อน อารมณ์อ่อนไหว ปรวนแปรได้ง่ายจึงต้องได้รับการอบรมสั่งสอนให้ รู้จักควบคุมจิตใจ ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองให้ได้ สอนให้รู้จักขอบเขตที่สามารถกระทำได้ สิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ทำไม่ได้ห้ามทำ ผิดกฏหมาย ผิดคุณธรรม สามารถแยกแยะดีชั่วถูกผิดได้ สอนให้รู้จักคิด ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง มีความเข้าใจในการใช้เหตุผล ปรับทัศนคติในทางที่ดีมองโลกในแง่ดี และมองตามความเป็นจริง รู้จักการวางตัวปรับตัวตามบทบาทหน้าที่สถานะให้เข้ากับคนในสังคมได้อย่างเหมาะสมถูกกาลเทศะ
ผู้ใหญ่ ดูแลตนเอง ควบคุมตนเองได้ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรทำ รู้จักแยกแยะดีชั่วถูกผิด มีความรับผิดชอบในหน้าที่ สามารถทำงานเลี้ยงชีพดูแลตัวเอง และเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้ให้กับคนในครอบครัว พ่อแม่ก็ยังเป็นคนที่ให้คำปรึกษาแนะนำ ชี้แนวทางในการดำเนินชีวิต ด้วยความเอาใจใส่ดูแล เป็นห่วงเป็นใย ทั้งยามปกติ และยามเราไม่สบายกาย หรือไม่สบายใจ ก็ เป็นห่วงเป็นใย หรือค่อยให้คำปรึกษาช่วยเหลือในแก้ปัญหาของลูก ให้เรากลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้อีกครั้ง และพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป สามารถอยู่รอดปลอดภัย มีความสุขทั้งกายและใจ อยู่อย่างมีความหวังที่ดีต่อการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า
วัยผู้ใหญ่ เมื่อลูกก้าวสู่วัยเจริญสืบพันธ์ การเป็นผู้ให้กำเนิดบุตร พ่อแม่ก็มีส่วนช่วยในการวางรากฐานทางจิตใจ ที่ดีมั่นคงให้กับเราตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ ในการเตรียมความพร้อมสู่การสร้างครอบครัวใหม่ของตนเอง มีคู่รักแต่งงานมีลูกสืบสกุล เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน มีความรักและรับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดทายาทในรุ่นต่อไป
สรุป เกิดมาทำไม ดูแลช่วยเหลือตนเองได้ ควบคุมตนเองทั้งทางร่างกายและจิตใจของตนเองได้ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยตนเอง และเป็นที่พึ่งพาของคนในครอบครัวได้ และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างเหมาะสม อยู่รอดปลอดภัย เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้สืบสกุลลูกหลานรุ่นต่อไป
ตัวเราได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแม่และพ่อ ปกป้อง คุ้มครอง ให้ปลอดภัย อบรมสอนสั่ง เลี้ยงดูตั้งแต่เด็กเล็กมาจนโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ด้วยความรัก ห่วงใย ผูกพันสายสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมในครอบครัว รักและปรารถนาดี หวังดี ให้ได้รับการตอบสนองความพอใจ มีความสุขกายสุขใจ ยามไม่สบายใจ เศร้า เสียใจ ร้องไห้ ผิดหวัง ลำบากใจ เป็นทุกข์ ท้อแท้หมดกำลังใจ ก็ได้รับการปลอบประโลม ปลอบขวัญสร้างกำลังใจให้กลับมาดีขึ้น มีความมั่นใจเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ยามร่างกายป่วยไข้ เจ็บปวดไม่สบายก็เป็นห่วงเป็นใย คอยเอาใจใส่ เฝ้าสังเกตดูอาการว่ายังไม่สบายอยู่ หรือ จะกำลังฟื้นตัว หรือกำลังดีขึ้น พ่อแม่คนในครอบครัวจะดูแลคอยเป็นห่วง กังวลใจเหมือนเจ็บป่วย เจ็บปวดไปด้วย เมื่อตัวเราไม่สบาย คอยหายา พาไปหาหมอรักษาให้หายดี เอาใจใส่ดูแลให้หายป่วย กลับมาแข็งแรงดีขึ้นใช้ชีวิตเป็นปกติ ลูกเจ็บทางกายแม่พ่อก็เจ็บไปด้วย ลูกไม่สบายใจแม่พ่อก็เป็นทุกข์เจ็บที่ใจไม่สบายใจไปด้วย
และได้รับความรักความเอ็นดูแลเอาใจใส่ เอาอกเอาใจ ห่วงใย รักและผูกพันใกล้ชิด ปรารถนาดี พบเจอสิ่งดีดี ดูแลตัวเองได้ เอาตัวรอดปลอดภัย หาทางออกในแก้ไขปัญหาในชีวิตได้ดี หากลูกผิดหวัง ผิดพลาดไป หรือเดินออกนอกลู่นอกทาง ใช้ชีวิตในทางที่ผิด ก็พร้อมที่จะให้อภัย อาจมีการตำหนิด่าว่ากล่าวไปบ้าง ก็ยังพร้อมให้คำชี้แนะแนวทาง เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่ลูกในทางที่ดี เพื่อให้ลูกได้แก้ไข พัฒนาตนให้ดีขึ้น สำนึกกลับตัวกลับใจมาเดินในทางที่ถูกต้อง ด้วยการให้กำลังใจ เสริมสร้างสนับสนุนให้ลูกเดินในทางที่ถูกที่ควร เป็นคนดีของสังคมให้ได้ วางตัวได้เหมาะสม โดยที่พ่อแม่วางใจได้ เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าลูกของตนจะเป็นคนดีได้อย่างแน่นอน
และ หวังดี อยากให้ลูก ปลอดภัย คุ้มครองป้องกันไม่ให้สิ่งไม่ดี หรือไม่ให้สิ่งที่เป็นอันตรายเข้ากล้ำกรายคุกคามต่อสวัสดิภาพของเรา ด้วยการแสดงออกถึง ความรักที่เป็นผู้ให้อย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แค่อยากเห็นลูกเติบโตมีความสุข มีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางจิตใจที่ดี มั่นคงทางจิตใจ เป็นคนดีอยู่ดีก็พอแล้ว ก็ทำให้แม่และพ่อบุพาการีชื่นใจสุขใจ เหมือนมีน้ำเย็นมาหล่อเลี้ยงเติมเต็มหัวใจให้ชุ่มชื่นอิ่มเอมใจ ซาบซึ้ง ชื่มชมยินดี ปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจ ชื่นฤทัยสุขอุราที่ลูกของตนมีความสุข
พ่อแม่ยอมเสียสละความสุขส่วนตัว พยายามหาเงินเลี้ยงครอบครัว เพียงเพื่อให้ลูก กินอิ่มนอนหลับมีความสุข ยอมลดตัวตน ความพอใจส่วนตัว ยอมเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตนเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อที่จะสามารถดูแลเลี้ยงลูกได้ดีเท่าที่จะทำได้ และพยายามเป็นคนดีที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับลูกเป็นคนดี มีจิตสำนึกที่ดี คิดดี ทำดี วางตัวเหมาะสมถูกกาลเทศะ เข้ากับคนในสังคมได้
โดยธรรมชาติของมนุษย์ ต้องการได้รับการยอมรับ นับถือ เคารพ ชื่นชอบ และความรักจากคนอื่น เป็น ผู้รับความรัก และ เป็น ผู้ให้ความรัก ต้องการมอบความรัก ให้การยอมรับ ชื่นชอบ ให้เกียรติต่อคนอื่น มอบความรักความหวังดีให้แก่คนอื่นรอบตัวของเขา
คนใดที่ไม่ได้รับการยอมรับและไม่ได้รับความรักจากคนอื่นเพียงพอเหมาะสมเท่าที่ควร ก็จะทำให้เป็นคนที่มีความคิดความรู้สึกว่า ตนเองไม่มีคุณค่าในตนเอง ไม่นับถือในตนเองขาดความเชื่อมั่นศรัทธา รวมทั้งมีทัศนคติที่มองโลกในแง่ร้าย ใจคอคับแคบ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น ไม่มีความไว้วางใจผู้อื่นเข้ากับคนอื่นได้ยาก ก็ให้เกิดพฤติกรรมในทางลบ อิจฉาริษยา รังเกียจชิงชัง เครียดแค้น ก้าวร้าว หรือทำตัวไม่อยู่ในกรอบออกนอกลู่นอกทาง ฝ่าฝืนทำผิดเพื่อเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องความรัก มีความเข้าใจผิด หลงผิดคิดไปเองว่าคนอื่นเป็นคนไม่ดี หรือ ไม่หวังดีต่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เขาปิดกั้นการมองโลกตามความเป็นจริง และเลือกที่จะมองด้านลบในแง่ร้ายมากกว่ามองในแง่ดี ความคิด ทัศคติต่อตนเอง และผู้อื่น ทำให้เขามองโลกแคบ บดบังสายตาและขาดความเข้าใจในตัวเองและผู้อื่น ผิดเพี้ยนบิดเบียนไปจากความเป็นจริง ไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจต่อผู้อื่น ซ้ำร้ายหนักเขาคือไม่รักตนเอง เห็นแก่ตัว ตีความหมายเข้าข้างตนเองจนผิดไปจากบรรทัดฐานของสังคม
การไม่ได้รับความรักจากผู้อื่นอย่างเพียงพอ ทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับนับถือในตนเองและผู้อื่น จึงไม่สามารถที่จะเป็นผู้ให้ความรักและการยอมรับในตัวผู้อื่นเช่นกัน คือไม่รู้วิธีที่จะแสดงออกซึ่งความรักได้อย่างเหมาะสม และไม่รู้จะทำอย่างไรในการแสดงออกในเรื่องความรัก และการมีสัมพันธภาพต่อคนอื่น ทั้งคนใกล้ชิด และคนรอบข้างตัวของเขา บกพร่องต่อความสามารถในการปรับตัวเข้ากับคนในสังคม
คนใดที่รักตัวเองไม่เป็น ยังทำดีกับตนเองไม่ได้ ไม่มีความรับผิดชอบในตนเอง ไม่รักตนเองแล้วจะรักคนอื่นเป็นได้อย่างไร รักตนเองแบบผิด หลงผิดคิดเข้าข้างตนเองจนมองไม่เห็นความเป็นจริงและบรรทัดฐานทางสังคม ทำร้ายทำลายตนเองเดินในทางที่ผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม ย่อมไม่สามารถที่จะเป็นผู้ให้ความรัก และแสดงออกถึงความรักความหวังดีต่อคนอื่นไม่ได้อย่างไม่เหมาะสม หรือ อาจแสดงออกถึงความรักที่ผิดวิธี หรือผิดเพี้ยนแปลกไปจากเจตนาที่แท้จริงที่จะมอบความรักให้คนอื่น กลายเป็นการทำร้ายจิตใจกันแทน
ถ้าหากบุคคลใด ได้รับความรัก ความปรารถนาดี ได้รับความพึงพอใจ รู้สึกถึงความปลอดภัยสบายกาย มั่นคงสบายใจ จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมจากคนในครอบครัว พ่อแม่ และผู้เลี้ยงดูเรา ตั้งแต่เด็กทารกที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนเติบใหญ่ ก็ยังได้รับความเอาใจใส่ ดูแล สนใจใส่ใจ สวัสดิภาพความปลอดภัย ปกป้องคุ้มครอง คอยระวังรักษาอย่างทะนุถนอม เฝ้าเอาอกเอาใจ ประคับประคอง ส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจ เป็นห่วงเป็นใย สายสัมพันธ์ที่ผูกพันกัน จนเติบโตเป็นเราในวันนี้ตอนนี้ได้ ก็เพราะพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และคนรอบข้างตัวเรา ที่ให้ความรัก ความปรารถนาดี หวังดี ต่อเรา เหมือนกับการเติมเต็มในความรัก เป็นภูมิคุ้มกัน เกราะป้องกันภัย ให้มีทัศนคติที่มองโลกในแง่ดีและตามความเป็นจริง มีเหตุผล รู้จักวิธีการในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมถูกกาลเทศะ
เมื่อเราเป็นผู้ได้รับ การเอาใจใส่ดูแล ความรักจากพ่อแม่ คนในครอบครัว (ญาติพี่น้อง คนรัก ลูกหลาน เพื่อน) คนที่เรามีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งเป็นธรรมดาที่เราก็อยากที่จะทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบ พึงพอใจ เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รักของเขาคนอื่น เราจึงตอบแทนและมอบแสดงความรักให้ตอบกลับไปให้กับพ่อแม่และคนที่รักเรา ด้วยการเป็นคนให้ความรัก ความปรารถนาดีต่อคนอื่น จึงกลายมาเป็นคนที่เรารัก เราจึงอยากที่จะให้สิ่งดีดีแก่เขา (ด้วยความเอาใจใส่ดูแล เอาอกเอาใจ เห็นอกเห็นใจ เป็นห่วงเป็นใย ปรารถนาดี ทำดีมอบสิ่งดีดีให้เขาพอใจ มีความสุขด้วยความรักและความผูกพัน)
เกิดมาเพื่อ สร้างสายสัมพันธ์ผูกพันด้วยความห่วงใย ดูแลเอาใจใส่ ต่อคนรอบตัวของเรา (ครอบครัว ญาติพี่น้อง คนที่ใกล้ชิดสนิทสนม เพื่อน แฟน คนรักคู่ชีวิต ลูก หลาน)
ถ้าหากโลกนี้ ไม่มีความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน คนมีแต่ความเห็นแก่ตัว คิดอยากทำอะไรก็ทำตามใจตนเองเป็นใหญ่ คงมีแต่ความเกลียดชัง แย่งชิง ทำลาย ห้ำหั่น ฆ่าฟันกันตาย เพื่อช่วงชิงยื้อแย่งยึดทรัพยากรจนโลกถูกทำลายสิ้นไป ไม่เหลือดินแดนที่สุขสงบให้อยู่อาศัยได้อีกต่อไป
เกิดมาเพื่อเรียนรู้พัฒนาตนทำหน้าที่ของตนในแต่ละช่วงของวัย(เด็ก:เรียนหนังสือ/ผู้ใหญ่:ทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ/ผู้ให้กำเนิด:สร้างครอบครัวอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูกหลาน) ปรับตัว แสดงบทบาทตามสถานะทางสังคมได้เหมาะสม(เป็นลูก/พี่น้อง/พ่อแม่/ปู่ยาตายาย/เพื่อน/คนรัก/เจ้านาย/ลูกน้อง) รับผิดชอบ(เรียน/ทำงานเลี้ยงชีพ/ดูแลครอบครัว) ตอบแทนบุญคุณด้วยความรักความหวังดี และ ส่งต่อองค์ความรู้สู่ทายาทสืบสกุล
ไม่มีความเห็น