๖๓. คำมั่นและสัญญา..เมษา๒๕๖๒


ตลอด ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเข้าไปในสวนทุกวันด้วยอาการหดหู่ใจ ๒ ปีที่ไม่เคยได้ผลผลิตทั้งลำไยและมะขาม..อันนี้ทำใจได้ เพราะผมยกธงขาวยอมแพ้มานานแล้ว..ไม่ใช่แพ้ใจตัวเอง แต่ยอมเจ้ากระรอกหรือกระแตก็ไม่รู้..มันวิ่งอยู่บนต้นวนไปวนมาอย่างร่าเริง..

        หลายปีติดต่อกันที่ผมพัฒนาบ้าน ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นวาระพิเศษที่ได้ปิดภาคเรียนอย่างยาวนาน จึงมีเวลาดูแลทั้งบ้านและโรงเรียน..

    บ้านในที่นี้ ผมหมายถึงงานในสวนที่ผมปล่อยรกร้างมาตลอดทั้งปี เพราะผ่านฤดูฝนมาแบบจัดเต็ม พอถึงเดือนเมษา..หน้าแล้ง ก็ต้องจัดระเบียบกันสักหน่อย

        เท่าที่เคยจัด เรียกว่ามีทุกรูปแบบ ทั้งนำต้นไม้มาลง  ติดตั้งเครื่องปี๊มน้ำ เดินต่อท่อส่งน้ำ ตลอดจนปรับปรุงเครื่องกรองน้ำเพื่อให้มีหินปูนน้อยที่สุด

        จำได้ว่า..ลงทุนลงแรงไปมิใช่น้อย จนกระทั่งดูดีมีความหมาย แต่พอเปิดเทอมก็มีเรื่องต้องพัฒนาทางวิชาการที่โรงเรียน ทำให้ลืมบ้านลืมงานในสวนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

        บ้านกับสวน..รวมเนื้อที่ ๒ ไร่..ใช้บริการ ธอส.ในวงเงินหลายแสน..ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่แสนสาหัสที่ต้องเก็บออม ยอมขมแล้วขมอีก ทำสัญญาเงินกู้ ๒๕ ปี แต่ก็ผ่อนหมดภายใน ๑๓ ปี..ความข้อนี้บ่งบอกความพยายามอย่างยิ่งยวด

        หลายคนแปลกใจ..ไปซื้อทำไมที่ดิน “ทุ่งดินดำรีสอร์ท” มันแพงโหด..ผมบอกทุกคนว่า..มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เพราะผมซื้อความเงียบสงบ ผมซื้อความเป็นบ้านสวน..(ป่า)

        วันที่มาจับจอง ครอบครองเป็นสมบัติ..ต้นลำไย ต้นมะพร้าว มะขามเทศและ มะขามหวาน เจริญเติบโตมากแล้ว..เขาปลูกให้ก่อนซื้อ ราว ๕ – ๗ ปี เขาในที่นี้หมายถึง..รีสอร์ท..

        ตอนนี้..ทั้งลำไย มะพร้าว และมะขามสูงใหญ่มาก แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าต้นปีบ ต้นสัตบรรณ และต้นประดู่ เพราะไม้พวกนี้อยู่ใกล้บ้านได้รับอาหารและความอบอุ่นเป็นอย่างดี

        ตลอด ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเข้าไปในสวนทุกวันด้วยอาการหดหู่ใจ ๒ ปีที่ไม่เคยได้ผลผลิตทั้งลำไยและมะขาม..อันนี้ทำใจได้ เพราะผมยกธงขาวยอมแพ้มานานแล้ว..ไม่ใช่แพ้ใจตัวเอง แต่ยอมเจ้ากระรอกหรือกระแตก็ไม่รู้..มันวิ่งอยู่บนต้นวนไปวนมาอย่างร่าเริง..

        ผมมองว่ามันน่ารักก็เลยไม่เครียด ตัวเล็ก ขนปุยสีดำ วิ่งเร็วมาก อยู่กันแบบครอบครัวในโพรงมะพร้าว กัดกินมะพร้าวอ่อนตามอำเภอใจ..

        ฤดูมะขามและลำไย..มันก็เก็บกินจนอิ่มหนำ ถ้านำไปขายได้มันก็คงทำไปแล้ว..ผมเฝ้ามองดูกิจการของมันมา ๒ ปีเต็มๆ

        วันนี้..ผมตัดสินใจสังคายนา กิ่งก้านที่ระเกะระกะทั้งหลายทั้งลำไยและมะขาม บอกคนงานตัดแต่งเพื่อให้ลำต้นตั้งตรงรับแสง สู่ความโล่งโปร่งตาน่ามอง จากนั้นก็จะมองเห็นพื้นที่ว่างมากมาย คราวนี้อยากจะปลูกอะไรก็ค่อยว่ากันอีกที

        มีตัวเลือกให้ปลูกมากมาย ทั้งยางนา ประดู่และมะกอก บอกตามตรงเลยว่าอยากปลูกป่ามากกว่าที่จะหาผลผลิตเป็นรายได้พิเศษ เพราะต้นไม้มีชีวิต เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรร่วมชายคาได้เป็นอย่างดี..อันนี้ความรู้สึกล้วนๆเลยนะ

        คนงาน..ตัดแต่งกิ่งก้านน้อยใหญ่วางกองไว้บนพื้นดินที่มีใบไม้แห้งปกคลุมอยู่เต็มพื้นที่ ใต้ใบไม้เป็นดินดีสีดำ ที่ผมเคยนำไปทำปุ๋ยหมักที่โรงเรียนหลายครั้ง เนื่องจากเป็นดินที่มีส่วนผสมของใบมะขามเทศ..

        ถ้าไม่นับตัวบ้าน..ในพื้นที่ไร่เศษจึงเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ที่แผ่กิ่งก้านใบเติบโตไปพร้อมๆกับเจ้าของบ้าน ตรงกันข้ามกับตัวบ้าน..ที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา..จริงๆแล้วเจ้าของบ้านก็โทรมไปพร้อมกับตัวบ้านนั่นแหละ..

        จึงเป็นที่มาของคำมั่นสัญญาว่าต่อไปนี้ จะไม่ปล่อยให้สวนหลังบ้าน เติบโตไปตามยถากรรม จะทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ..เพราะถ้าไม่ให้คำมั่นสัญญาแก่ตัวเอง..สักวันอาจทำไม่ไหว..หรือคิดได้แล้วทำไม่ได้..

        ผมคิดว่า..ถ้าจัดพื้นที่ภายในสวนให้เป็นระบบ ปลูกต้นไม้ให้เป็นระเบียบ จะเป็นสวนป่าใกล้บ้านที่น่าภิรมย์สมดั่งใจ..เมษาคราใดก็จะได้ไม่ร้อนอบอ้าวแบบทุกวันนี้...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๕  เมษายน  ๒๕๖๒


หมายเลขบันทึก: 661085เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2019 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2019 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท