เที่ยวเชียงใหม่กับสุภัชชาตอน.วัดป่าแดงมหาวิหาร(มหาวิหารวัดป่าแดง)ที่ปรากฎในตำนานคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์โดย.อาจารย์สุภัชชา. พันเลิศพาณิชย์
มหาวิหารวัดป่าแดงได้มีคำอธิบายไว้ในชินกาลมาลีปกรณ์ว่า “ท่านผูกศัพท์บาลีว่า รตฺตวนมหาวิหาร วัดนี้อยู่เชิงดอยสุเทพ ปัจจุบันร้างแล้ว” วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยใดนั้นไม่ปรากฏ แต่มีปรากฏในตำนานว่า “อยู่ต่อมาไม่นานนักพระราชมารดาทรงประชวร สวรรคต พระเจ้าติโลกราช โปรดให้ทำการถวายพระเพลิงพระศพพระราชมารดา ณ ที่เดียวกันกับพระราชบิดา และโปรดให้สถาปนาที่ถวายพระเพลิงนั้นเป็
นอาราม ให้เริ่มลงมือก่อสร้างในปีมะแม ตรีศก ๘๑๓ (พ.ศ.๑๙๙๔) พระมหาวิหารมีด้านกว้างยาวด้านละ ๒๐ วา ทำรั้วเหล็กล้อมรอบเป็นรูปพลถือกุณตาวุธ(หอก) แล้วขนานนามว่า “วัดอโศการาม” หรือเรียกกันอย่างสามัญว่า “วัดป่าแดงหลวง”
ในชินกาลมาลีปกรณ์ได้กล่าวถึงวัดป่าแดงหลวงไว้ว่า
“ได้ยินว่า ในพรรษาต้นพระเถระเหล่านั้น จำพรรษาอยู่ในเรือท่ามกลางมหาสมุทร ต่อมา ในพรรษาที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ได้จำพรรษาอยู่ในอโยชฌปุระเป็นต้น ต่อจากนั้นมาพระมหาเถรทั้งหลายไปเมืองสัชชนาลัย ได้อุปสมบทให้พระพุทธสาครเถรในเมืองนั้น ภาย
หลังได้มาเมืองสุโขทัยจำพรรษาอยู่ที่นั่น ในพรรษาที่ ๖ เมื่อพระศาสดาปรินิพพานได้ ๑,๙๗๔ ปี ตรงกับปีจอ จุลศักราช ๗๙๒ พระเถระเหล่านั้น มีพระมหาธัมมคัมภีร์เถร พระมหาเมธังกรเถรเป็นหัวหน้า ได้ไปถึงเมืองเชียงใหม่ พักอยู่ในมหาวิหารวัดป่าแดง
ได้ยินว่า ท่านเหล่านั้นอยู่ในมหาวิหารวัดป่าแดงแห่งเดียว องค์ละ ๗ ปีบ้าง ๘ ปีบ้าง พระมหาเถรเหล่านั้นได้ไปนครเขลางค์เมื่อปีชวด จุลศักราช ๗๙๔ (พ.ศ. ๑๙๗๖) มหาอำมาตย์ชื่อ สุร เป็นใหญ่อยู่ใน นครเขลางค์ ถึงกับยอมสละยศและชีวิต(ตำแหน่งและอาชีพ) ของตนอุปถัมภ์บำรุงพระเถระ”
จะขอกล่าวเล่าถึงวัดป่าแดงมหาวิหาร
เขียนแล้วให้สงสารพระพุทธศาสนา
วัดนี้กลายเป็นร้างเนิ่นนานมา
เขียนทั้งน้ำตาขอเล่าความ
วัดนี้สร้างขึ้นสมัยใดไม่ปรากฏ
เลยร้างหมดไม่สนใจไม่ทวงถาม
รู้แต่ว่าเขียนไว้จับใจความ
พระเจ้านามติโลกราชสร้างไว้ให้มารดา
เพื่อพระราชทานเพลิงพระศพ
ให้บรรจบมารดา-บิดาทางศาสนา
ถวายพระเพลิงมารดรและบิดา
ขนานนามว่า “วัดอโศการาม
ชินกาลมาลีปกรณ์เขียนเล่าเอาไว้ว่า
วัดอโศการามหรือวัดใดใคร่ขอถาม
วัดป่าแดงหลวงคนทั่วไปให้นิยาม
ขอเอ่ยนามพระเถระนี้ต่อไป
พระมหาธัมมคัมภีร์เถร พระมหาเมธังกรเถรเป็นหัวหน้า
จำพรรษาอยู่ในเรือมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
ต่อมาเดินทางถึงเมืองสัชชนาลัย
แล้วบวชให้พระพุทธสาครเถรบนฝั่งธาร
ต่อมาเดินทางถึงเมืองชื่อเชียงใหม่
แล้วได้จำพรรษาที่แดงมหาวิหาร
อยู่๗ถึง๘ปีวัดเดียวช่างยาวนาน
แล้วพระเถระเหล่านั้นไปเขลางค์นคร
มีมหาอำมาตย์ชื่อ สุร เป็นใหญ่
ยอมสละยศและอาชีพไม่ผัดผ่อน
ทำนุบำรุงดูแลพระเถระอย่างแน่นอน
เพราะศาสนาไม่รุ่มร้อนมีแต่ใจร่มเย็น
เขียนทั้งน้ำตาเรื่องเล่าเศร้าไม่จบ
จากนั้นไม้พบวัดป่าแดงไม่เคยเห็น
ทั้งอยู่เชิงดอยสุเทพ ใช่ยากเย็น
กลับเป็นวัดร้างให้เห็นทั้งน้ำตา
ไม่มีความเห็น