ดูดหรือขูดดี


ถ้าใครสักคนจะต้องถูกขูดมดลูก กรุณาช่วยถามหมอสักนิด ว่าหมอจะขูดด้วยเหล็กขูดหรือจะดูดด้วยหลอดพลาสติก

เอาล่ะ มาเริ่มกัน

ถาม: ใครกัน ที่จะต้องถูกขูดมดลูก?

ตอบ: ผู้หญิง

เออ แน่ดิ ผู้ชายมันไม่มีมดลูกนี่นา ถึงแม้จะผ่าตัดแปลงเพศมาจนมีจิ๋มได้แล้ว มันก็ยังไม่มีมดลูก จะขูดหรือดูดในรูตูด มันก็ไม่ใช่กิจกรรมทางการแพทย์สักหน่อย

เราขูดหรือดูดโพรงมดลูกเพื่อการรักษาหรือวินิจฉัยโรคเท่านั้นครับ เป็นต้นว่า การตั้งท้องผิดปกติก็ทำแท้งซะ แท้งไม่ครบก็ดูดออกให้ครบซะ นี่คือการรักษา แต่หากเป็นการวินิจฉัย อันที่จริงก็ทำแบบเดียวกัน นั่นคือขูดหรือดูดเอาโพรงมดลูกออกมาเพื่อให้ได้ชิ้นเนื้อแล้วพาไปตรวจดูว่ามันเป็นมะเร็งหรือไม่ หลักๆก็มีเพียงเท่านี้

แล้วทำไมผมจึงจั่วหัวว่า ขูดหรือดูด

นั่นเพราะสมัยก่อน เรามีเทคโนโลยีในเรื่องแบบนี้ไม่มาก เราจึงใช้เครื่องมือที่เป็นเหล็กคมๆ ลักษณะคล้ายช้อนตัก สอดเข้าไปในช่องคลอด สอดผ่านปากมดลูกเข้าไป และเมื่ออยู่ในโพรงมดลูกแล้วจึงเริ่มขูด 

ลองหลับตานึกถึงมะพร้าวอ่อนถูกสับที่หัว เหลือรูเอาไว้ ดูดน้ำมะพร้าวเย็นๆเสียให้ชุ่มหัวใจ จากนั้นเราเอาช้อนเข้าไปขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนออกมาใส่ปาก เคี้ยวๆบี้ๆแล้วกลืน 

มันขูดกันแบบนั้นแหละ จริงๆ

ผู้หญิงทั้งโลกถูกขูดมดลูกกันมาตั้งแต่รุ่นย่ารุ่นยายผมเลยกระมัง แต่จะรุ่นทวดด้วยไหมนั้น ผมไม่แน่ใจเพราะเกิดไม่ทัน

วิธีแบบนี้มันเจ็บปวดมาก เพราะเครื่องมือมันคือเหล็ก ดังนั้น ผู้ป่วยทุกรายจึงต้องถูกทำให้ไม่เจ็บ อาจจะเป็นการดมยาสลบ ฉีดยาให้หลับ หรือบล็อกหลังให้ชาครึ่งตัวเป็นต้น

เหล็กขูดทำให้เกิดอันตรายด้วยนะครับ เพราะมันเป็นเหล็ก 

ดังนั้นในสมัยก่อน จึงพบภาวะแทรกซ้อนที่น่ากลัวเกิดขึ้นได้ เช่น มดลูกทะลุ ตกเลือดในช่องท้อง บางรายถูกขูดเสียจนเหล็กบาดลึกเข้าชั้นกล้ามเนื้อมดลูกจนเกิดแผลเป็น ผู้หญิงคนนั้นจึงไม่มีเม็นส์ได้อีกเลยตลอดชีวิต บางรายเมื่อการทะลุเกิดขึ้นแล้วเจ้าเหล็กขูดนั่นยังลากเอาไส้ออกมาด้วย 

สยอง

หูย แค่จินตนาการก็เล่นเอาน่ากลัวจนไข่หดเลยใช่ไหม (เอิ่ม ผมถามคนอ่านที่เป็นผู้ชายนะครับ)

แต่มันก็เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อก่อนมันมีเครื่องมืออยู่เพียงเท่านี้แหละ “เหล็กขูด” 

ในช่วงที่ผมเป็นแพทย์หนุ่มๆ ก็เคยขูดจนมดลูกคนไข้ทะลุมาแล้วจริงๆ เรื่องมันช่างน่าเศร้าใจนัก

แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป 

เดี๋ยวนี้เราพบว่า การดูดโพรงมดลูกมันก็สามารถเอาเนื้อจากโพรงมดลูกออกได้ และออกดีกว่าการขูดด้วยเหล็กเสียอีก แถมเราใช้หลอดดูดที่เป็นพลาสติกแทนเหล็ก มันจึงเจ็บน้อยกว่า ทำให้บาดเจ็บน้อยกว่า เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า สรุปว่า ดีกว่าไง เราจึงต้องรีบรณรงค์การเลิกใช้เหล็กขูดและเปลี่ยนมาใช้หลอดดูดกัน ผมและทีม ไม่ใช่สิ อันที่จริงต้อง ทีมและผมได้ร่วมรณรงค์เรื่องนี้มาราว ๑๖ ปีเห็นจะได้แล้ว

ดูดเพื่อรักษาการแท้ง

ดูดเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในโพรงมดลูกหรือไม่

สรุปว่า “ดูดดีกว่าขูด” 

ลองหลับตานึกภาพแก้วใส่ชาไข่มุก เราใช้ช้อนเข้าไปควานตักไข่มุกกับใช้หลอดดูดไข่มุกเข้าปาก ปลุ๊ก ปลุ๊ก ปลู๊กกกก (แหม..ดูดเพลินไปนิด) อย่างไหนจะได้เม็ดไข่มุกที่ก้นแก้วสะดวกและเกลี้ยงกว่ากัน นึกสินึก คิดสิคิด

เราจึงสอนนักเรียนแพทย์รุ่นใหม่ให้ดูดแทนขูด

โรงเรียนแพทย์ของผมสอนให้นักเรียนแพทย์ดูดโพรงมดลูกมาเป็นเวลาราวสิบปีเห็นจะได้ เรากับรามาธิบดีเริ่มสอนมาพร้อมๆกัน เขาเริ่มสอนนักเรียนแพทย์ปี ๖ เราเริ่มสอนในชั้นปี ๕

“ขั้นตอนแรก เราต้องแจ้งให้คนไข้ทราบเสียก่อน ว่าเราจะดูดโพรงมดลูกเขาเพื่ออะไร เขาจะต้องเจออะไรบ้าง เจ็บมากไหม เราเตรียมการลดความเจ็บปวดเขาได้อย่างไร” ผมเตรียมที่จะแสดงการดูดโพรงมดลูกกับหุ่นให้นักเรียนแพทย์ดู

แล้วนักเรียนแพทย์ก็เริ่มทำการฝึกดูดโพรงมดลูกกับหุ่นโดยมีผมนั่งดู ด่า ตีมือ ชม ตบหัว ลูบหลัง คนต่อคน เป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน

อย่างเช่นเมื่อวาน

ช่างสนุกนัก

ในช่วงท้ายชั่วโมง นักเรียนแพทย์บางคนเริ่มออกอาการสมาธิสั้น สอนอะไรก็เริ่มไม่จำ ผมจึงเปลี่ยนยุทธวิธี

สอนกันเป็นภาษาอังกฤษแมร่มเลย

“ทำไป” ผมสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ดวงตา” นักศึกษาแพทย์หญิงตรงหน้าเริ่มกระบวนการแสดงการตรวจภายใน ใส่เครื่องมือเข้าช่องคลอด เช็ดช่องคลอดด้วยยาฆ่าเชื้อ

“May I have cannula please” เธอขออุปกรณ์ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษชั้นดี

“ดีมาก” ผมชม

“โทชิ แล้วถ้าเราจะขอ cannula เป็นภาษาญี่ปุ่นล่ะ จะขอยังไง” ผมหันไปถามโทชิ แซ่นิปป้อนหงึ นักเรียนแพทย์ที่คาดว่ามีพ่อเป็นชาวญี่ปุ่น เขายืนส่องไฟฉายให้เพื่อนอยู่ข้างๆ

เขายิ้ม และส่ายหัว

“ไม่ทราบครับ ผมไม่ค่อยถนัดภาษาญี่ปุ่น” เขาตอบ

“Cannula เดสก๋า” สำเนียงเสียงญี่ปุ่นแบบมึนๆตอบมาโดย “หนูหงษ์” ลูกศิษย์ในสายเดียวกับผม

“หือ จริงดิ” ผมถามทวน

“ปล่าวค่ะจารย์ หนูมั่ว” มันตอบ และพอดีกับที่ไอ้โทชิพยักหน้าเห็นด้วย ว่ามันมั่ว

ผมแดกดันกลับไปนิดหนึ่ง แล้วเราก็สนทนาภาษาอังกฤษกันต่อ

“When will the procedure has to be stopped?” ผมถามลูกศิษย์ว่าจะหยุดดูดโพรงมดลูกเมื่อไหร่

“If the content in the womb has been aspirated completely” เธอตอบว่า เมื่อดูดจนเกลี้ยงแล้วไงคะอาจารย์

“How do we know?” ดีมาก แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าหมดจริงๆ ผมยังคงถามต่อ

“Nothing has come out” ไม่มีอะไรถูกดูดออกมาอีกแล้วไงอาจารย์ ถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องสนใจไวยากง ไวยากรณ์กันอีกต่อไป

“Frothy” ดูดออกมาเป็นฟองๆ

“And the patient feels pain or  cramp” คนไข้จะรู้สึกปวดจากมดลูกมันบีบตัวมากขึ้นค่าจารย์ แม่ดวงตาหน้าเฉยยังคงพูดไปทำไป

ผมชื่นชมเธอมากเลยครับ อารมณ์เรากำลังต่อเนื่องจนกระทั่งเสียงหนึ่งดังแผ่วๆขึ้นมา

“อิไต อิไต”

ทุกคนในห้องเงียบ แล้วเราก็หันไปหาตามเสียงนั้น 

เจ้าโทชิ แซ่นิปป้อนหงึ ลูกครึ่งญี่ปุ่นกำลังส่งเสียงแสดงความเจ็บปวดของหุ่นจำลองเพื่อความสมจริง

“อิไต อิไต มันแปลว่าเจ็บครับอาจารย์ อิไต อิไต” มันยังคงอิไต และทำตาพริ้มอย่างต่อเนื่อง

เออ จริง แปลว่าเจ็บ ผมได้ยินบ่อย

แต่ผมยังคงสงสัย แล้ว “อิคึ อิคึ” ล่ะ โทชิเอ๊ย

ฮาสนั่น

ธนพันธ์ ชูบุญชิเตะชิเตะ

๑๘ ธค ๖๑

หมายเลขบันทึก: 658849เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2018 18:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 ธันวาคม 2018 18:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

จากเรื่องที่น่ากลัว น่าหวาดเสียว สุดท้ายสนุกมาก อย่างฮาครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท