๘๒๘. ชื่นชม


บางทีชีวิตที่เราคิดว่าพบเจอแต่เรื่องหนักๆ อาจเป็นเพียงแค่ภาวะไม่ได้ดั่งใจในช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ และสำหรับบางคนที่ชอบปล่อยเวลาไปกับการนั่งรอคอยบางสิ่งบางอย่าง ผมคิดว่าจะดีกว่าไหม? ถ้าเราจะคิดใหม่ทำใหม่..ด้วยการลุกขึ้นเดินไปหามัน..เดินเข้าไปทำงานที่อยู่ตรงหน้า..

        บางทีก็ต้องแยกให้ออกเหมือนกัน ระหว่างชื่นชมกับ “หลงตัวเอง” สำหรับผมนั้นน่าจะหลงยาก เพราะไม่มีเวลาจะหลง..ต้องสอนหนังสือทั้งวัน แทบจะไม่ได้บริหารอะไรเลย..

    จึงอดที่จะชื่นชมตัวเองไม่ได้ ที่หนักเอาเบาสู้อยู่พอสมควร แต่ในตำราฝรั่งก็บอกไว้ ว่าทำถูกแล้ว ที่ต้องหมั่นดูแลหัวใจตนเองให้ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา ด้วยการให้กำลังใจและชื่นชมตนเอง...

        ผมจึงเก็บภาพการทำงานไว้มากมายในคอมพิวเตอร์ เพื่อบันทึกการเดินทาง ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่ระหว่างทาง..ประสบพบทุกข์สุขบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่มีชีวิตใคร ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดชีวิต..

        ผมพบภาพตัดต่อ..ที่นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง..ท่านชื่นชมผมและมอบให้ผมไว้หลายชุด ท่านเก่งทั้งงานบริหาร งานสอนและงานศิลป์..เวลาที่ท่านส่งให้ดู หรือเวลาที่ท่านนำไปเผยแพร่..ผมจะรู้สึกเขินๆ ทุกครั้ง

        แต่ตอนนี้..กลับมาพบเจอและดูอย่างละเอียดอีกครั้ง..รู้สึกไม่เขิน แค่คิดทบทวน ว่าเราทำงานขนาดนี้เชียวหรือ? และนั่นมันผ่านไปแล้ว เมื่อ ๒ – ๓ ปีที่ผ่านมา..

        ตอนนี้..ต่างกับตอนนั้นลิบลับ อย่างน้อยก็อายุที่มากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับงานที่ไม่เคยลดลงเลย..ทำได้มากและประสบผลดีมากกว่าในภาพที่ได้รับคำ “ชื่นชม”เสียอีก..

        วันนี้..ไม่มีใครทำภาพมาให้ชม ผมก็เลยถือโอกาสชื่นชมตัวเอง..ในแง่ที่งดงามของความ “อึด” ผมทำได้ตามความเชื่อที่ว่า “ความทุกข์ที่ไม่มีใครทน จะช่วยหลอมคนอย่างผมให้ทนทาน..”

        เท่านั้นยังไม่พอ..สิ่งที่ผมชื่นชมตัวเองมากอีกอย่างก็คือการทำงานแบบที่ไม่ต้อง..รอ..เพราะเชื่อว่ารอไปก็ไม่มีประโยชน์ จริงๆโรงเรียนต้องรอนักการภารโรงและรอครูธุรการฯ ที่ รมต.บอกว่าจะให้ในวันที่ ๑ ตุลาคม...

        วันนี้ ๑๔ พฤศจิกายน...ยังไม่เห็นใครเดินเข้ามาช่วยงาน มีแต่ชาวบ้านสนับสนุนช่วยเหลือ..ผมจึงทบทวนแล้วกลับไปดูเรื่องเดิม ก็พบว่าคนที่พูด เขาไม่ได้ใส่ พ.ศ. ? มันอาจจะเป็น ๑ ตุลาคม..ปีหน้าก็เป็นได้..

        ผมจึงรู้สึกขอบคุณและชื่นชมตัวเอง ที่ไม่เคยเชื่อนโยบายภาครัฐ..ผมจะเชื่อมั่นในหัวจิตหัวใจและศรัทธาของผมมากกว่า..มันแน่เสียยิ่งกว่าแน่เสียอีก..

        ชื่นชมสุดท้ายของผม..คือผมไม่ชอบปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ทำงานได้ทั้งที่สภาพปัจจัยไม่เคยพร้อม..ชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมไม่มีอยู่จริงหรอก

        เราแต่ละคนล้วนมีส่วนที่ขาดตกบกพร่อง สำคัญว่าเรายอมจำนนอยู่กับความขาดนั้นหรือไม่.?.จะยอมให้ความบกพร่องหรือความไม่พร้อม มันมาข่มชีวิตเรื่อยไป โดยไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข..กระนั้นหรือ?

        ชีวิตและงานอาจไปกันใหญ่ ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง การวางเฉยกับปัญหา น่าจะไม่ใช่ทางออกที่ดี..

        บางทีชีวิตที่เราคิดว่าพบเจอแต่เรื่องหนักๆ อาจเป็นเพียงแค่ภาวะไม่ได้ดั่งใจในช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ และสำหรับบางคนที่ชอบปล่อยเวลาไปกับการนั่งรอคอยบางสิ่งบางอย่าง ผมคิดว่าจะดีกว่าไหม? ถ้าเราจะคิดใหม่ทำใหม่..ด้วยการลุกขึ้นเดินไปหามัน..เดินเข้าไปทำงานที่อยู่ตรงหน้า..

        ผมคิดว่า..ชีวิตที่ดีคือสิ่งที่เราต้องลงแรงตามหา และเมื่อพบแล้วก็ต้องกอดคอเขาไว้ให้แน่น..ผมชื่นชมตัวเองที่คิดแบบนี้ และรู้สึกว่าโชคดีที่กอดงานได้ทุกวัน...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๔  พฤศจิกายน  ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 657933เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2018 22:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2018 22:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ติดตามอ่านด้วยความ “ชื่นชม” มาโดยตลอด. แต่ไม่เคยบอกกล่าว. วันนี้อดมิได้. ต้องบอกว่ามีคนแอบชื่นชมมาเป็นเวลานานแล้วค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท