ผมมีข้อสังเกตกับตนเองมานานแล้วว่า สังคมไทยมองการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในหน่วยราชการ ที่ความสำเร็จหรือความก้าวหน้าส่วนบุคคล เป็นหลัก โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่สังคมจะได้รับแตกต่างกันหากเปลี่ยนคนที่เข้าสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กร
มาฉุกคิดเพิ่มเมื่อกลับมาซื้อหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์อ่านอีก หลังจากไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี โดยคราวนี้เปลี่ยนสไตล์การอ่านเป็น “การอ่านหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ ๒๑” คืออ่านเพื่อทำความเข้าใจเบื้องหลังของข่าว หรือของความคิดเห็นของผู้เขียน โดยต้องรู้ว่า นสพ. หรือสื่อมวลชนนั้นใครเป็นเจ้า ของ ใครถือหุ้นใหญ่ หน่วยราชการใดลงโฆษณาแฝงเป็นประจำ ฯลฯ
เป็นการอ่านเพื่อฝึกทักษะรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งผมน่าจะเรียนอยู่ในชั้นอนุบาล
อ่านคอลัมน์เรื่องการโยกย้ายทหาร แล้วเห็นชัดเจนว่า คนเขียนชี้นำให้ผู้อ่านคิดถึงแต่เรื่องพวกพ้อง เส้นสาย และความสำเร็จของบุคคล ไม่เน้นวิเคราะห์ว่า คนไหนสายไหน เข้าไปรับผิดชอบตำแหน่งนั้นแล้วบ้านเมืองจะได้รับประโยชน์แตกต่างจาก อีกคนหรืออีกสาย อย่างไรบ้าง
เท่ากับว่า ผมตีความว่า ผู้เขียนมีโลกทัศน์ที่จำกัดอยู่เฉพาะที่ผลประโยชน์ส่วนตน ไม่มีโลกทัศน์ที่มองประโยชน์ของบ้านเมืองหรือส่วนรวม นำไปสู่การตั้งคำถามว่า ข้อเขียนนี้ มีส่วนชี้ชวนให้ผู้อ่านคิดแคบ คิดเรื่องส่วนรวมไม่เป็น หรือไม่ ไม่ทราบว่าผมตีความ หรือตั้งคำถาม ผิดหรือถูก
ถือเป็นการ reflect เพื่อ feedback คอลัมนิสต์ด้วยความเคารพ
วิจารณ์ พานิช
๖ ต.ค. ๖๑
It is sad that …ผู้เขียนมีโลกทัศน์ที่จำกัดอยู่เฉพาะที่ผลประโยชน์ส่วนตน ไม่มีโลกทัศน์ที่มองประโยชน์ของบ้านเมืองหรือส่วนรวม…
and this goes to a lot of bloggers (on social media) –posting selfies; seeking sensational reactions; advertising as commentary; … We may call these shades of ‘fake news’.
Let’s have more ‘good’ news. ;-)
ทุกวันนี้ แทบไม่อยากอ่านข่าวที่ตีความเข้าข้างตนเอง คนอ่านไม่ได้ประโยชน์ค่ะ