บทความ The iGen Shift : Colleges Are Changing to Reach the Next Generation ใน นสพ. New York Times (1) ระบุชัดเจนว่านักศึกษา Gen Z ที่เป็นคนเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ – ๒๕๕๕ ที่เพิ่งเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อวิธีการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัย ที่จะต้องปรับตัวรองรับบุคลิกของนักศึกษา Gen Z
อ่านข่าวนี้แล้ว ผมตีความว่า วิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังตัวละครในข่าวคือ มหาวิทยาลัยเป็นธุรกิจบริการ หรือสถานประกอบการ ต้องหมั่นทำความเข้าใจความต้องการของ “ลูกค้า” อุดมศึกษาในโลกทุนนิยม นักศึกษากลายเป็น “ลูกค้า” ผู้บริหารและอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็น “ผู้ให้บริการ”
ชอบหรือไม่ชอบ เราก็อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่มหาอำนาจเขาขับเคลื่อนโลกให้อยู่ใต้ระบบทุนนิยม และมหาวิทยาลัยก็ถูกผลักดันไปในแนวทางนี้
ยิ่งมีแนวโน้มที่มหาวิทยาลัยที่ปรับตัวไม่ได้ต้องปิดตัวลงจำนวนมาก ยิ่งเป็นสัญญาณให้มหาวิทยาลัยต้อง transform ตนเอง
ข่าวชิ้นนี้ขึ้นประเด็นพาดหัวว่า ผู้บริหารระดับอธิการบดีและคณบดีต้องหันมาสื่อสารกับนักศึกษา ว่าที่นักศึกษา ผู้ปกครอง ด้วย social media คือ Instagram และ Twitter จะเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ได้อีกต่อไป
คนใน Gen Z มีชีวิตแบบ super connected ซึ่งก็เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนต่อการเรียน มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวหาทางใช้ให้เป็นจุดแข็ง ลดจุดอ่อน
คนเหล่านี้ไม่อ่านหนังสือ หรืออ่านน้อยมาก อีเมล์ก็ไม่ชอบใช้ เป็นความท้าทายต่อการปรับตัวของมหาวิทยาลัย
เป็นสัญญาณว่า มหาวิทยาลัยต้องมี Disruptive Change
วิจารณ์ พานิช
๒๙ ส.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น