น้ำตกชันตาเถร ตอน...พัฒนา EF (ตอนจบ)



น้ำตกรอบนี้ น้ำเยอะ ไหลเชี่ยว โขดหินมีตะไคร่ขึ้นเขียวมากมาย เพิ่มระดับความยากในการเดิน ปีนป่ายให้มากยิ่งขึ้น แต่ก็เป็นการเพิ่มความสนุกท้าทายไปด้วยเช่นกัน
+
ลูกชาย อยากจะมาพิชิตน้ำตกชันตาเถร อยากขึ้นไปให้ถึงชั้นสูงสุด ซึ่งรอบก่อนมา ฝนทำท่าจะตกเลยไม่ได้ไปต่อจนถึง รอบนี้พอปล่อยตัวจากจุดStart ก็ตรงดิ่วๆๆ ปีนป่ายไวว่องคล่องดั่งลิงป่า? 
+
ฉันเตือน "เล่นสนุกอย่่างปลอดภัยนะครับ" บอกซ้ำให้สมองได้รับข้อมูลนี้อีกครั้ง และวางใจว่าเขาดูแลตัวเองได้ดี (ส่งพลังจากใจผ่านสายตาไปสู่ใจลูก) มองตามลูกไป เขาดูมั่นใจ คิด ตัดสินใจเลือกทางเดินที่ใช่สำหรับตัวเองได้ไวขึ้นกว่ารอบก่อน
+
น้องเล็กที่มาด้วยกัน ปีนตามไม่ทัน ทั้งกระเป๋าหนัก ทั้งใจลอย ตัวอยู่ตรงนี้ ใจกระโดดปีนตามพีี่ไปตรงโน้นนน ฉันแสดงความเข้าใจ และเรียกหัวใจเขากลับมาที่ตัวตรงนี้ "หนูอยากปีนตามพี่ไปติดๆ ใช่ไหม จะเร็วขึ้น ถ้าตาเรามองทางตรงหน้าของตัวเอง มองมือ มองเท้าของเรา" 
+
ฉันเห็นว่าเด็กน้อยพยายามปีนป่ายเดินตามรอยที่พี่ชายเดินไว้ ซึ่งบางจุดยากเกินไปสำหรับเขา ฉันเตือน"น้าดาวสังเกตว่าหนูพยายามเดินตามทางของพี่ ทางที่ใช่สำหรับพี่ อาจไม่ใช่ไม่เหมาะกับเราก็ได้นะ ลองมองดูลองหาทางที่ใช่ของตัวเองดีมั้ย ตัดสินใจใหม่ได้" (บอกหลังจากที่มีจุดหนึ่งเขาพยายามปีนป่ายสะกายสุดตัวก็ยังไปต่อไม่ได้)
+
เด็กน้อยหยุดตะกายตามทางของพี่ และมองไปรอบๆ มองหาทางของตัวเอง ในที่สุดเขาตัดสินใจเปลี่ยนทางไปอีกทางที่คิดว่าเป็นทางของตัวเองและสามารถ ขึ้นไปได้อย่างไม่ยากนัก 
+
ฉันสังเกตเห็น "แววตาที่มีความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง" คิดเอง ตัดสินใจเอง เดินด้วยขาและปีนด้วยแขนน้อยๆ ของเอง ช่างน่าภูมิใจ เป็นจังหวะเหมาะในการหยอดยาชูกำลังใจ "เยี่ยมเลยครับ หนูคิด ตัดสินใจเลือกทางที่เหมาะสมกับตัวเอง ขึ้นได้เองด้วย" ชูไปนิ้วโป้ง คำชม รอยยิ้ม (อย่างจริงใจ) เด็กน้อยยิ้มกว้าง พูดความคิดของเขาให้ฟังเจื้อยแจ้ว
+
มีหลายครั้งที่เด็กน้อยมักลื่นไถล ก้าวไปแล้วลื่นเพราะทรายติดฝ่าเท้ามากมาย แต่ยังไม่รู้สึกตัว ฉันจึงถามเขา "หนูครับ น้าดาวสังเกตเห็นหนูก้าวแล้วลื่นหลายครั้งแล้ว ทั้งๆ ที่หินไม่มีสีเขียว(ตะไคร่) เพราะอะไรหนอ" เด็กน้อยยังไม่เข้าใจ แววตาครุ่นคิดแต่ไม่รู้ จึงเพิ่มอีกนิด "ลองสังเกตตอนที่เท้ามีทรายติดอยู่ กับไม่มีทรายติด แบบไหนเดินได้ดี เท้าเกาะหนึบกว่ากัน"
+
เด็กชายคิดออก ยิ้ม ตอบ "แบบไม่มีทราย" ฉันยิ้มพยักหน้า "นี่เป็นคนช่างสังเกตนะเนี้ย" เราเดินกันต่อไป ฉันเห็นเด็กน้อยมักแกว่งเท้าในน้ำก่อนปีนต่อเวลาที่เท้ามีทรายติดเท้า 
+
ได้จังหวะดีๆ หยอดยาชูกำลังอีกแล้ว "หนูคิด แก้ไขปัญหาได้ดีเลยนะเนี้ย ทรายติดเท้า แกว่งเท้าในน้ำให้ทรายหลุดก่อนปีนต่อ" ชูนิ้วโป้งและรอยยิ้มไป
+
ในส่วนของพี่ชาย เมื่อฉันเดินทันเขา ฉันชื่นชมเขาในสิ่งที่ฉันเห็น และฝากไว้ประเด็นหนึ่ง "ลูกรู้ไหม น้องชื่นชมหนูมาก อยากจะปีนได้แบบพี่ อยากจะอยู่ใกล้ๆ พี่ แต่น้องยังตัวเล็กกว่าประสบการณ์น้อยกว่าเลยปีนได้ช้า ตาน้องมักมองไปที่ลูกเสมอ น้องคงมีกำลังใจและดีใจมากหากน้องได้ปีนไปกับพี่ด้วย" 
+
คำพูดนี้ช่วยชะลอความเร็วของพี่ลงได้ ใจหนึ่งก็คงอยากปีนนำไป (มันดูเท่) ในนึงก็อยากจะรอน้อง ฉันเห็นบางทีเขาก็นำไป บางทีก็รอน้องได้ ฉันจึงชื่นชมเสริมพลังความรักความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น "ขอบคุณลูกมากแม่เห็นมีหลายครั้งเลยที่ลูกรอน้อง แม่เห็นหนูส่งมือให้น้องและถามน้องด้วยนะ ว่าให้พี่ช่วยมั้ย แม่คิดว่าน้องดูความสุขและสนุกขึ้นมากเลย ขอบคุณนะครับ"
+
ยังมีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยาวไป จบดีกว่า?
+
เมื่อขึ้นรถขากลับก่อนหลับ พวกเราก็ได้ถอดบทเรียนร่วมกัน เราแบ่งปันกันก่อนแยกย้ายกันหลับ?ยกเว้นคนขับและฉันผู้ดูแลและกำกับคนขับไม่ให้หลับ? คงไม่ต้องบอกว่าพวกเราถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย จึงมีโอกาสมานั่งพิมพ์บ่นความนี้ได้เนอะตัวเอง

หมายเลขบันทึก: 654611เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2018 18:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม 2018 18:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท