ความนิยมเรื่องจิตอาสา มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่นิยมทำกันอยู่ในรูปแบบของการให้ การช่วยเหลือ หรือการทำสาธารณประโยชน์
หนังสือเรื่อง ความสุขทุกแง่ทุกมุม ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ประยุตฺโต) ช่วยให้เข้าใจเรื่องจิตอาสาได้อย่างน้อยในสามประเด็นคือ ประโยชน์ของจิตอาสา แรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจที่ทำให้คนทำเรื่องจิตอาสา และแนวทางการทำเรื่องจิตอาสาให้สมบูรณ์แบบ
ประโยชน์ของจิตอาสาคือ เป็นการพัฒนาความสุขทางสังคม เนื่องจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสังคม ทำให้เกิดความสุขทั้งต่อบุคคลผู้ปฏิบัติ และเกิดความสุขต่อสังคมโดยรวม
แรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจที่ทำให้คนทำเรื่องจิตอาสาคือ สภาวะธรรมที่เกิดขึ้นตามมาที่มีชื่อว่า ธรรมสมาธิ ๕ ได้แก่ ปราโมทย์ (ความร่าเริงเบิกบานใจ) ปีติ (ความอิ่มใจ) ปัสสัสธิ (ความผ่อนคลายกายใจ) สุข (ความฉ่ำชื่นรื่นใจ) สมาธิ (จิตมั่นแน่ว) นึกถึงเรื่องที่ทำไปเมื่อใด สภาวะธรรมที่เป็นความรู้สึกดีๆที่เป็นสุขเหล่านี้ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น
จิตอาสาสมบูรณ์แบบ ในที่นี้คือ การทำจิตอาสาให้ครบถ้วนรอบด้าน ในหนังสือท่านแนะนำธรรมที่เป็นหลักปฏิบัติเพื่อพัฒนาสังคมคือ สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน (การให้) ปิยวาจา (การพูดด้วยความรักความปรารถนาดี) อัตถจริยา (การทำประโยชน์ให้) สมานัตตตา (ความเสมอภาคกัน มีความเป็นธรรม) ทั้งนี้ให้ใช้ควบคู่ไปกับธรรมที่เป็นหลักทางใจคือ พรหมวิหาร ๔ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา รวมแล้วเป็นการปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทั้งทางกาย วาจาใจ
นอกจากจะเหมาะสำหรับให้คนทั่วไป ใช้สร้างสุข แล้ว จิตอาสาสมบูรณ์แบบยังเหมาะสำหรับการเรียนการสอนธรรมะในโรงเรียน เนื่องจากมีเนื้อหาไม่มากนักแต่ครอบคลุมทั้งกายวาจาใจ ทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ สามารถใช้ได้เป็นอย่างดีในรูปแบบของ การเรียนรู้ที่ใช้โครงงานเป็นฐาน ที่ฝึกให้นักเรียนคิดเองทำเอง เพื่อให้คิดเป็นทำเป็น และเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ง่ายสนุกและจำได้ดี ทั้งไม่เป็นภาระกับครูมากจนเกินไป (ในหนังสือแสดงขั้นตอนการใช้สังคหวัตถุ๔ ให้สอดคล้องกับพรหมวิหาร๔ ไว้ชัดเจนพอที่นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายขึ้นไปอ่านแล้วจะเข้าใจและนำไปใช้ได้)
อำนาจ ศรีรัตนบัลล์
13 กันยายน 2561
ไม่มีความเห็น