ลมแรงเป็นระยะ กลิ่นใบไผ่โชยมาในเวลาเย็น.
ลุงกะป้า อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ... เรียกว่าบ้านนอกเลยดีกว่า สภาพพออยู่พอกินไปวันๆ .
ลูกชายคนเดียวไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพฯ ได้ 6 ปีแล้ว ส่งเงินมาช่วยพ่อแม่ตลอด เป็นลูกกตัญญูที่หายาก
...ช่วงสงกรานต์จึงจะได้เจอกันพร้อมหน้าสักครั้ง...
.
เย็นวันนั้น ฟ้าครึ้ม ฝนตั้งเค้า ลุงขุดดินเผอิญไปชนกับอะไรบางอย่าง.
พอเกลี่ยดินออกพบกล่องไม้โบราณ ขนาดไม่ใหญ่ คืบกว่าๆ .
ลองเปิดดูข้างในก็พบซากมือแห้งๆ มีสายสิณจน์เก่าๆ สีคล้ำ พันไว้หลวมๆ ดูแล้วน่าจะเป็นมือลิง พร้อมกระดาษสาเขียนด้วยลายมือเล่นหางสวยงามแบบโบราณว่า...
“ มือขวาพญาลิงป่า ครามีเรื่องร้อนใจ กำมือนี้ไว้ กลั้นหายใจ อธิษฐานขอพรได้ ๓ ข้อ จักสมดังปรารถนา แต่ทว่าอาจจะมีอันสิ่งของใดๆ ต้องใช้แลกเปลี่ยน”
.
.
ลุงรู้สึกแปลกใจมาก หัวค่ำก็เอามาให้ป้าดู ทั้งสองนั่งคิดกันอยู่สักพัก ว่าจะเอายังไงดี
“ลุงเอ๊ย เราก็ยากจน ไม่มีอะไรจะแลก ข้าว่าลองขอพรให้ได้เงินสักล้านนึงดูซักทีซิ มันจะได้ไม่ขัดสนแบบนี้ เกิดมาก็ไม่เคยเห็นเลยว่ะ เงินล้านเนี้ยะ”
... “จะดีเหรอวะ”....ลุงยังลังเล.... “ข้าว่ามันยังไงๆ อยู่นะ”
“ข้าบอกแล้วว่าเราไม่มีอะไรจะแลก ...ก็ลองดูจะเป็นอะไรไป ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่หว่า” พูดจบบ้วนน้ำหมากลงกระโถนสังกะสีทีนึง
.
ป้าจึงตัดสินใจเอาซากมือนั้นมากำไว้ที่อก หลับตาอธิษฐานครู่หนึ่ง
พลันสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงขึ้นมาไกลๆ ฝนก็ตกลงมาเสียงกระทบไม้ริมชานบ้านดังเปาะแปะถี่ๆ
ทั้งสองมองหน้ากัน ...ไม่มีคำพูด
.
.
ชั่วแป้ปเดียว มีเสียงเท้าคนวิ่งหลบฝนมาตรงริมชานนั้น แล้วก็ตามด้วยเสียงเคาะประตู
ลุงเปิดประตูพบกับชายหนุ่มใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน ในมือถือซองน้ำตาล เปียกฝนเป็นเม็ดๆ
.
พอเชื้อเชิญมานั่งในบ้าน ดื่มน้ำดื่มท่า เขาก็พอด้วยหน้าตาเป็นห่วง
“ลุงครับ ป้าครับ ผมมาจากบริษัทประกัน ขอให้ลุงกับป้า ทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะครับ...
หน้าลุงกับป้าเปื้อนรอยแห่งความกังวลขึ้นพร้อมกัน
“ลูกชายเป็นคนกตัญญู เขารักลุงกับป้ามากนะครับ แต่โชคร้ายเขาประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ เสียชีวิตเมื่อ 3 วันก่อน
ผมขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งครับ
... นี่คือเงินที่เขาทำประกันเอาไว้ให้กับพ่อแม่ที่เขารัก หนึ่งล้านบาท ผมนำเช็คมามอบให้ครับ”
..... สิ้นคำ ป้าทรุดลงทันที...! ลุงยังพอได้สติ รีบพยุงป้ามานั่ง หาเอายาดมมาให้
.
หลังจากหนุ่มประกันลากลับ....ป้าก็ครวญครางร้องห่มร้องไห้แบบคนไร้สติ
ลุงเองก็เศร้าหนัก แต่พยายามตั้งสติ...หันไปมองซากมือลิง ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้
ภาวะในบ้านตึงเครียด ฟ้ามืด ฝนกรรโชกแรงขึ้น ฟ้าแลบสลับฝ้าผ่า ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจเปิดซองน้ำตาลที่รับมาด้วยซ้ำ
คำอธิษฐาน ... คำอธิษฐานมันเป็นจริง ... ลุงพูดอะไรไม่ออก
ป้าโศกเศร้าฟูมฟายมากมาย
“กูไม่ต้องการเงิน เอาลูกกูคืนมา” ร้องฟูมฟายซ้ำๆ ทั้งน้ำตา คล้ายคนไร้สติ
ซองสีน้ำตาลยังถูกวางอยู่ที่เดิม ไม่มีใครสนใจจะเปิดมันเลย
ลุงก็ได้เพียงยืนสลดอยู่ข้างๆ พยายามปลอบด้วยการลูบตัว และประคองพาป้าไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
พอถึงห้องน้ำ ป้าแกก็ปิดประตู ลุงเดินกลับมาเหลียวไปเห็นที่โต๊ะ มือพญาลิงหายไป !
.
ป้าซึ่งอยู่ในห้องน้ำกำลังหลับตา กอดซากมือลิงนั้นไว้ พร้อมอธิษฐานอะไรบางอย่าง
เสียงฟ้าผ่าอย่างแรง ราวกับผ่าลงมาข้างบ้าน พลันไฟทั้งบ้านก็ดับวูบลง
ลุงสะดุ้ง เกิดอะไรขึ้น พยายามควาญหาเทียนและไฟแช็คในลิ้นชักขึ้นมาจุด
แล้วก็เดินย่องๆ ไปเปิดประตูค่อยๆ พาป้าเดินออกมาช้าๆ
.
.
ฝนยิ่งเทลงมา เสียงน้ำกระทบพื้นชานบ้านถี่กว่าเดิม ลมก็กรรโชกหวีดหวิว
... ป้าพูดว่า “ข้าอธิษฐานขอให้ลูกข้ากลับมา” ลุงมองป้าด้วยตาเบิกโพลงในความสลัวนั่น !!
ทั้งสองยังเดินไม่ถึงเก้าอี้ จู่ๆ ก็มีเสียงคล้ายคนเดินช้าๆ แต่ลงเท้าหนักๆ ขึ้นมาบนชานบ้านไม้
ก่อก ก่อก ก่อก เสียงเดินต่างจากเสียงของหนุ่มประกัน มันเดินแบบช้าๆ หนักๆ เหมือนคนบาดเจ็บ
พลันเสียงพรรคพวกหมาข้างบ้านก็รวมหัวกันหอนขึ้นมาแข่งกับเสียงฝน !
.
ลูก.. ลูกมาหาแม่แล้ว ป้าตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันพร่า ท่าทางดีใจ
แกรีบตาลีตาเหลือกจะไปเปิดประตุ พลันสะดุดเก้าอี้ล้มโครม เพราะความที่มันมืด
ลุงยังอยู่ในอาการที่เศร้า งง ผสมตกใจ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตะลึงไปชั่วขณะ พอเรียกสติได้ก็รีบบึ่งไปพยุงป้าหงายหน้าขึ้นมา
เสียงฝีเท้ายังเดินวนก่อกๆ ช้าๆ อยู่นอกชาน...
.
ป้าหมดสติไปด้วยแรงกระแทก ลุงก็พยายามนวด ตรวจดูในความสลัว ว่ามีรอยแผลอะไรหรือเปล่า
ทั้งยาดม ทั้งนวด ป้ามีเลือดไหลซึมที่ศีรษะ แต่ไม่มาก ลุงพยายามร้องเรียกชื่อ พร้อมเอาผ้าขาวม้าเช็ดเลือด
เกือบ 5 นาที ที่ป้าพึ่งได้สติ .... “เป็นไงๆ เจ็บตรงไหนบ้าง” ลุงถาม
ฟ้าร้องขึ้นมาอีก เสียงฝนซาลงสักหน่อย เสียงหมาหอนยังมีเป็นระยะ
“มึนหัว” ป้าบอก... “ไม่เจ็บอะไร แค่มึนๆ หัว”
.... “ลูกเราล่ะ แกไปเปิดประตูรับเขามาหรือยัง” ป้ารีบถาม
.
ณ เวลานั้น ลุงสับสนเหลือเกิน
“ มือขวาพญาลิงป่า ครามีเรื่องร้อนใจ กำมือนี้ไว้ กลั้นหายใจ อธิษฐานขอพรได้ 3 ข้อ จะสมดังปรารถนา แต่ทว่าอาจจะต้องมีสิ่งของแลกเปลี่ยน” ...มันผุดมาในความคิดลุง
“ทำไมแกยังไม่เปิดให้ลูกเข้ามา” ..ป้ารีบยันตัวขึ้น ...แล้วก็ทรุดลงอีก
”ใจเย็นๆ ก่อน”... ลุงพยายามประคอง.... “ข้าจะไปเปิดประตู” ป้าไม่ยอมพยายามยันตัวเองลุกขึ้น พร้อมเอื้อมไปหยิบเทียน
เสียงฝีเท้ายังวนเวียนสลับเสียงลมฝนและหมาหอนอยู่ข้างนอก
...หวีดหวิวและโหนหวน...
.
ลูกเอ๋ย รอแม่แป้ปนึงนะลูก... ป้าสลัดแขนจากลุง เดินขโยกเขยก ไปที่ประตู
ป้าใกล้ประตูเข้าไปทุกที... ลุงตัดสินใจเด็ดขาด รีบหยิบซากมือลิงที่หล่นอยู่ มากำไว้ หลับตาอธิษฐานอย่างรวดเร็ว...!
...ไม่เอาอะไรแล้ว ทั้งนั้น...!!
ป้าเอื้อมไปจับลูกบิดประตู พลันไฟฟ้าที่ดับกลับสว่าง ป้าเหลียวกลับมองหลอดไฟ หันมาเป่าเทียนไขในมือ พร้อมเปิดประตู
.
.
ภายนอก ชานบ้านไม้แบบชนบท เปียกปอน แสงสว่างของหลอดนีออนที่มีแมงเม่า2-3 วันบินวนรอบๆ ครอบคลุมหน้าชาน มองไปในความมืดไกลๆ เห็นต้นไม้ไหวตามแรงลม ฝนยังตกแรง ฟ้าแลบเป็นขณะ
ป้าพยายามเดินกวาดสายตาไปทั่วชาน และในความมืด ไม่พบใครสักเลย
ป้าหันมาในบ้าน ลุงก็หายตัวไปอีกคน !!..... น้ำตาก็หลั่งมาอีกโฮ
ไม่มีความเห็น