เมื่อผมพบชายจากอดีต ตอน 3


ผมมารู้สึกตัวแบบเบลอๆ ด้วยท่านั่งคอพับ  มองไปรอบๆ อาการแว้บวับ รู้สึกคุ้น แต่ยังบอกได้ว่านี่มันคือป้ายรถเมล์หน้าออฟฟิตผมหรือไม่ มันคล้ายนะแต่ไม่เหมือน ผมพยายามลุกแต่ไม่ขึ้น เซล้มลงไปคลานเหมือนหมา หน้าออฟฟิตนี่หว่าแต่มันดูเก่าพิกล ผมพยายามเรียกสติตน โดยการตบหน้าตัวเองหลายที ทั้งๆ ที่มือเปื้อนฝุ่นจากพื้น... แล้วพลันก็มีคนมาพยุงผมขึ้น..

แม้จะเบลออยู่ แต่ผมก็จำหุ่นอ้วนๆ ตู้ๆ ของมันได้ ..”ไอ้โน ! “. ผมเรียกเสียงแตกพร่า...สติเริ่มมา เมื่อเจอผีกลางวันแสกๆ ...!!
 “เออ กรูเอง ไอ้ปั๋ม แล้วเมิงมานอนทำอะไรที่นี่วะ นี่เมิงจะเมาแต่วันเลยนะเมิง “... อ๊ะ ผีไม่ควรซึ่งจะมีบทสนทนาแบบนี้นะ  และมือมันก็อ๊ะ..อุ่น ไม่เย็นด้วย  “ปั๋ม เมิงนี่อ้วนขึ้นเยอะเลยว่ะ หนักชิบหาย”... อ๊ะ นี่ผีทักทายว่าเราอ้วนเหรอ น้ำหนักลงมา 2 โลแล้วนะเว้ย
.
เอาวะ นี่เจอเรื่องประหลาดมาทั้งวัน จะมาเจอผีกลางวันอีก นี่ก็คงไม่ประหลาดอะไรแล้วโว้ย  โอย ผมลงนั่งที่ป้ายรถเมล์ด้วยความเบลอ ที่คงเหลืออีกซัก 30%  ได้... พร้อมบอกไอ้โนไป “เมิงพยุงกรูเข้าออฟฟิตที”  ... “ออฟฟิตอะไรของเมิงวะ ?”  ไอ้โน นะถามด้วยท่าทางงงๆ ผมก็งง มันเองก็งง รวมกันเป็นงงกำลังสอง ผมเอี้ยวตัวไปมองที่ออฟฟิต เฮ้ย.. คงต้องแก๊ส... ป้ายหราหน้าร้าน  นี่มันร้านขายแก๊ส ที่เแน่นไปด้วยถังแก๊สสีร่อนๆ ไม่ใช่ออฟฟิตกระจกสวยๆ สีอ่อนๆ ของเรานี่หว่า   อะไรกันวะ ร้านคงต้องแก๊ส ...

...อ่านมาถึงตรงนี้อย่าแปลกใจ นี่เป็นวรรณกรรมใหม่สไตล์แร็ฟ....โปรดอ่านเป็นจังหวะ นะจ้ะนะจ้ะ 

“เมิงเมาได้ขนาดนี้เลยเหรอ กรูไม่เคยเห็น” ...ไอ้โนคงไม่ได้พูดเล่น  “เออ ช่วยหากาแฟให้กรูซักแก้วเถอะวะ” ผมก็จะพยายามหาวิธีให้หายเบลอ ล้วงกระเป๋าหยิบแบ้งค์ร้อยใส่มือมัน  ไอ้โนเดินขากางแบบจิ๊กโก๋ ตามสไตล์โก้(ชิบหาย)  มันคงไม่ใช่ผีแล้วล่ะ ไม่งั้นคงจะหายตัวแว้บไปแทนละล่ะ   ผมรู้สึกดีใจที่รู้ว่า มันยังไม่ตาย...  ผมล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋าหลัง...ยกมาเกือบหล่น มือยังไม่ค่อยมีแรง ... มือถือผมไม่มีสัญญาณ ไม่บอกขานวันเวลา กดเฟซ กดไลน์  นี่ไม่ไปสักอย่าง เห็นแต่วนๆ   กะจอมืดเห็นเงาหน้าผมบนจอ  ผมจึงเก็บเข้ากระเป๋าหลังดังเดิม  แล้วนั่งปัดฝุ่นที่เปรอะหน้า



โอ...ผมพยายามต่อจิ๊กซอความคิด ไอ้โน ร้านแก๊ส...กรูอ้วน...
แพล็บเดียว ไอ้โนก็กลับมาพร้อมถุงกาแฟรัดหนังสติ๊กมีหลอดเสียบ...มันไปเลียบหากาแฟโบราณแบบนี้จากไหนวะ  ผมนะกำลังจะอ้าปากถาม แต่มันชิงพูดเสียก่อน “เมิงเอาแบ้งค์อะไรมาให้กรูวะ แบ้งค์ที่ระลึกเหรอ ร้านเขาไม่รับ”... ผมเอากลับมาดู  “อ้าว ก็แบ้งค์ร้อยไง นี่ที่ออกใหม่”...มันเป็นไรถึงทำท่างงอีกแล้ว “มีด้วยเหรอวะ แบ้งค์รุ่นนี้”  มีดิ ผมคว้ากาแฟมาดูด พร้อมๆ กับรวบรวมสติ  ต่อจิ๊กซอความคิดเพิ่ม... 
สิ่งสุดท้ายที่ผมย้อนความจำได้ คือภาพบ้านโล่งๆ ดูร้างๆ ของหนุ่มขาวสำอางค์สูงหล่อ กิติ..อะไรหนอ กิตินันท์ ...ไม่ใช่ กิตินนท์ ต่างหาก ผมคงโดนอะไรบางอย่างทำให้หมดสติไป แล้วก็ไอ้เครื่องข้ามเวลา ไอ้มนุษย์ต่างดาว ไอ้โน ไอ้อ้วน ไอ้ร้านแก๊ส ไอ้กาแฟถุง แบ้งค์ใหม่ มือถือไร้สัญญาณ.... แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ๆ สิ่งที่ผมควรจะรู้ คือ ...ผมอยู่ที่ พศ. เท่าไหร่ !!
“ไอ้โน กรูขอถามอะไรบ้าๆ หน่อยนะวะ ปีนี้ปีน่ะปีอะไร”..."ปีมะเส็งไง “ ไอ้โนตอบไวเหมือนกวนทรีน แต่คงไม่...” ไม่ใช่  ปีพศ.อะไร”
“2544 ไงเมิง สร่างเมายังเนี้ยะ”.... 
.
เรื่องทั้งหมด นี่มันจริงหรือนี่  แต่หลักฐานสำคัญที่สุดคือไอ้โนยังไม่ตาย  นี่ผมย้อนอดีตมาจริงๆ ตอนที่สลบ และพบว่า...ผลจากการเดินทางข้ามเวลาทำให้เบลอละซิ ... เอาซิวะ จริงก็จริง แล้วไงล่ะ  ทำไมๆๆ  กิตินนท์บอกว่าจะชวนผมไปอนาคต แล้วทำไมผมมาอยู่อดีต  ...!!  ผมว่าถ้าผมยังคิดพยายามจะหาคำตอบ  หัวคงระเบิดมอดไหม้  สิ่งเดียวที่ควรทำได้ตอนนี้คือ... “เฮ้ย โน เมิงรู้จักคนชื่อ กิตินนท์ป่ะ”... ผมต้องหาคนนี้ก่อนอื่น  “ไอ้ต้องน่ะเหรอ”...ไอ้โนถามชื่อเพื่อน..”ไม่ใช่ ไอ้ต้องนั่นมันกิตินันท์  กรูหมายถึงคนชื่อกิตินนท์ต่างหากว้อย” 
“ใครวะ” ไอ้โนทำท่าคิด “อ้าว เมิงไม่รู้จักจริงๆ เหรอวะ”  ผมน่ะพยายามเค้น  ซึ่งขณะนี้ มีสาวสวยเดินผ่านป้ายรถเมล์ด้วยชุดเสื้อยืดฟิต  ยีนส์ขาสั้นโชว์หวิว..."นี่ๆ เด็กบาร์แถวนี้ว่ะ กรูเคยเห็น อ็อฟคืนละพัน สนป่ะ”  ไอ้โนถามแอบสะกิด  เรื่องนี้ละไอ้โนแสนรู้ ... ผมเริ่มสังเกตรอบๆ ดูว่า สาวคนอื่นๆ แถวนี้ ยุคนี้ แต่งตัวเรียบร้อยดีกว่าน้องคนนี้  ส่วนมากใส่ยีนส์ขาสามส่วน ...ส่วนคนนี้โป๊สุด  แน่ละ นี่ปี 2544 นี่  สาวๆ ปีนี้ ยังรู้จักปิดส่วนที่ควรปิด...  เลิกคิดๆ “เฮ้ย อย่าเหล่สาวมาก มาคุยเรื่องกิตินนท์ต่อ” ผมดึงสติมันกลับ

หน้าตามันเป็นยังไงวะ” ไอ้โนพยายามหาคำตอบ “สูงขาวผอม หล่อ” ... “หล่อกว่าไอ้ต้องอีกเหรอ” ... “อืม.. หล่อกว่า”...ผมก็ตอบแบบมั่วๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาอะไรหนอ มาวัดความหล่อได้  ..."หล่อกว่ากรูป่ะ”  แหน่ะ ไอ้โนถามพร้อมหัวฮี่ๆ ตาหยี  ตามสไตล์มัน  ไอ้อ้วนเอ้ย...แบบนี้ไม่ต้องมีมาตราฐานอะไร แค่เห็นแว้บเดียวก็วัดได้เลยว่ะ 
“อืม... เร็วๆ นี้ ที่กรูพึ่งไปรับงานก่อสร้างคอนโด บริษัทที่โผล่มาจ้างกรูมีวิศวกรหน้าตาหุ่นแบบที่เมิงว่าอยู่คนนึง แต่กรูอืม...ไม่รู้จักชื่อมันว่ะ” ... เอาละ ได้เค้า “เขาอยู่ที่ไหน”...ไอ้โนกำลังจะควักบุหรี่ขึ้นมาดูด  “ปกติก็คุมงานอยู่ที่ไซท์ เลยที่นี่ไป แค่ 2 ป้ายรถเมล์” 
“ปะ... ผมลุกขึ้น สร่างมึนละ ไปหามัน พากรูไปหน่อย”...ไอ้โนหยิบไฟแช็คซิบโป้ขึ้นมาจุด  “เดี๋ยว ดูดบุหรี่ตัวนึง” ...อืม ผมมองไปรอบๆ คนก็ยังชอบดูดบุหรี่ควันปุ๋ยกันตามท้องถนนเป็นเรื่องปกติยุคนี้ เป็นความดีเดียวละมั้งที่ปี 2561 ดีกว่ายุค 2544 
.
ผมพลันเห็นกิตินนท์ เดินหันออกจากซอยข้างๆ ตรงมาหา !!  
“ไม่ต้องไปละวะ” ผมวิ่งไปหาทันที  ... “นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมตะโกนขึ้นถามกิตินนท์แบบมีอารมณ์นิดๆ  “ใจเย็นๆ นิดครับ เครื่องข้ามเวลามันมีปัญหา ไปครับ..ไปคุยกัน”...
อีก 15 นาทีต่อมา  ผมมานั่งที่ร้านอาหารเงียบๆ ในห้างบิ๊กซี  กินไปคุยไปกะกิตินนท์ ไอ้โนบ่นขอตัวกลับไปด้นงานที่ไซท์... ผมนึกๆ คิดไปเป็นห่วงมันอยู่ แต่ยังไงก็ต้องอยู่เคลียร์เรื่องสำคัญสุดๆ กะมนุษย์ผู้ชายคนนี้ก่อน ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่า เขาเดินทางข้ามเวลาเพื่อพยายามหยุดการกระทำของมนุษย์ต่างดาว กริเลซแพลนเน็ต  ที่จะยึดโลกจนหมดเกลี้ยง เลี้ยงมนุษย์ดั่งทาส   ตอนนี้ไม่มีล่ะเรื่องเหลือเชื่อสำหรับผมอีกแล้ว เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่า เรื่องมันจริงทั้งหมด แต่ยังไงผมแอบกดอัดเสียงในมือถือ เพราะคนซื่ออย่างผมโดนหลอกมาเยอะ โดยเฉพาะเจอะเจอจากคนที่เราไว้ใจ  เลยเรียนรู้ไว้วิธีป้องกันตัวเอง...

...แร็ฟต่อ...
.
“ผมจะไปทำงานในอนาคต แต่เครื่องข้ามเวลาเกิดปัญหารวน เลยพาผมวนกลับมาอดีตปีเดิม...ตื่นขึ้นที่บ้าน พอผมหายเบลอ แล้วก็รีบตามเจอพี่ ”  ..."เออ แล้วทำไมต้อง (เสรือก) พาผมนี้ติดมาด้วย”  คำในวงเล็บคือความคิดนะ ไม่ได้พลั้งปากพูดไป  “เพราะว่า...” ในใจผมหูผึ่งรอคำตอบ ” เพราะว่าพี่เป็นคนที่ช่วยผมได้”... เอาละ ความงงมาเยือนอีกละไง “ช่วยอะไร ช่วยยังไง” 
“ผมขอเล่ายาวนิดนึง พี่จำได้ไม๊ที่ผมบอกว่า มนุษย์ต่างดาวมี 2 พวกน่ะ” 
“อืม นึกออกละ พวกนึงอยากยึดโลก คือไอ้พวกกิเลส ส่วนอีกพวกจะช่วยโลก” 
“ครับ พวกที่จะช่วยโลก ชื่อว่า ชาวโพชิ” ชื่อคล้องจองกะกิเลสจริงๆ  คือแทบจะเป็น โพธิ  ผมคิดทันควัน  “เขาก็ปะปนอยู่กับมนุษย์เช่นเดียวกันนี่แหละ แต่พวกเขาเป็นคนดี คอยกันไม่ให้ชาวกริเลซมันยึดโลกได้สะดวก เขาเป็นพวกเดียวกับเรา”... "แล้วเขาสืบพันธุ์แบบเดียวกันกะพวกกริเลซรึเปล่า" ผมชิงถามแบบเสียมารยาท “เปล่าครับ ชาวโพชิ มีเซลล์แบบเดียวกับเรา กินเหมือนเรา หายใจแบบเรา หน้าคล้ายเรา นอนแบบเรา เขาจึงสามารถใช้ชีวิตปะปนกับเรา อยู่กับเราได้อย่างไม่ต้องมีการดัดแปลงการสืบพันธุ์”  อืม ผมก็หวังใจว่าจะเข้าใจถูก ที่มนุษย์ดาวโพชิ อยู่บนโลกมนุษย์นี้ได้แบบเนียนๆ  อยู่ปะปนกับมนุษย์ ทำกิจกรรมทุกอย่างแบบมนุษย์ ไม่แตกต่างจากมนุษย์ เพราะเขาเหมือนมนุษย์...!!
.
“เขาฉลาดกว่าเรามาก วิทยาการเขาสูง เขาสร้างไทม์แมชชีนให้ผมนี่แหละ ...  และนี่ถ้าผมบอกว่า ไอน์สไตน์ ก็คือชาวโพชิคนนึง  พี่จะทึ่งไหมครับ ?”... เฮ้ย ภาพไอน์สไตน์แลบลิ้นปรากฏขึ้นในจินตนาการผมทันควัน  จริงกระนั้นเหรอ อืม มิน่าทำไมหน้าตาเขาถึงไม่ค่อยเหมือนคนปกติ !!  ... “แล้วถ้าผมบอกพี่ว่า มาริลีน มอนโร คือชาวกริเลซจำแลงร่างล่ะ ”...เฮ้ย ..นี่ผมจะเฮ้ยกี่ครั้งละวะ วันนี้ ...เห็นไม๊ครับพี่ ชาวกริเลซพยายามใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือ  มาริลีนได้แพร่เชื้อไปถึงเคนเนดี้แล้ว  ดีว่าชาวโพชิตัดสินใจเด็ดขาด เก็บเคเนดี้เสียก่อน ก่อนที่เขาจะทำการยึดโลก” นี่มันความลับระดับโลกเลยนะเนี้ย   บร๊ะเจ้า... “เอ้าๆ แล้วฮิตเลอร์เป็นพวกกริเลซใช่ป่ะ” ผมละชักสงสัย  เขาพยักหน้า... มิน่าล่ะ..คนอะไรทะลึ่งไว้หนวดทรงไม้เอกแบบนั้น ทำไปได้...!!.
.
“ ผมเป็นนักรบของชาวโพชิ” เฮ้ย...นี่ผม เฮ้ยครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้  แต่ที่รู้ มวยไชยาจะขึ้นอีกแล้ว  “น้องเป็นมนุษย์ต่างดาว !!” 
“เปล่าครับ ผมเป็นมนุษย์โลกนี่แหละ แต่ผมทำงานให้ชาวโพชิ เพราะผมนี่อยากช่วยโลก ผมเลยอาสา หน้าที่ของผมคือการค้นหา และทำลายเซลล์กริเลซในตัวสาวๆ โดยยอมเอาอุปกรณ์ชีวภาพเล็กๆ ให้เขาผ่าตัดติดอยู่ในตัวผม” เขาชี้ไปที่ท้องน้อย “มันจะปล่อยพลังงานเข้าไปเปลี่ยนเซลล์ในตัวสาวๆ ขณะเรามีอะไรกัน ให้เซลล์กลับเป็นมนุษย์ปกติ...!! ”
อืมมมม โอย อ้าว อ๋า ผมจะบ้า  มีเรื่องมากมายบนโลกที่ผมไม่เชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ และไม่คิดจะเชื่อ และนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ที่มันบอกผมว่า มีไอ้หนุ่มหล่อไล่ล่าแต้มนอนกับสาว เพื่อใช้กามวิธี ปลดปล่อยเธอออกจากการที่จะเป็นทาสของมนุษย์ต่างดาว  ว้าวววว มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือวะ...

“นี่ถือเป็นงานหนักสำหรับผม ก่อนอื่นเลยผมต้องแปลงโฉมให้ดูดี” เขาหยิบรูปชายอ้วนดำ จมูกบาน หน้าสิวเขรอะ โพสทำท่าทุเรศส่งให้ผม “นี่คือคุณก่อนที่จะแปลงโฉม ?” ... เขาพยักหน้าทำตาละห้อย...จะละห้อยทำไมเนี้ยะ ไม่อยากหล่อเหรอน้อง... “ผมต้องทนทำตัวหล่อ เพื่อล่อสาวๆ มาเปลี่ยนเซลล์”  นี่เมิงใช้คำว่าต้องทนทำงานแบบนี้เหรอ ผมคิดแบบไม่กลัวว่าจะคิดแบบไม่สุภาพกันล่ะวันนี้ งานหนักชิบหายละเมิงเอ้ย
“สาวที่ผมปลดปล่อยเธอแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนไป จากเคยบ้าเซ็กส์ก็จะกลายเป็นกุลสตรี ทำตัวดี เลิกแต่งโป๊ๆ”  นี่ที่สาวเป็นแบบนี้ เพราะมนุษย์ต่างดาวเข้าสิงเหรอนี่ ...เรื่องนี้มันจริงดิ !!   “แล้วนี่ มีนักรบแบบคุณเยอะไม๊” ผมสงสัย “ ไม่เยอะครับ เมืองไทยมีผมคนเดียว เพราะชาวโพชิ ไม่ไว้ใจชายไทย ที่พบมาส่วนมากเจ้าชู้ ขืนมาอยู่ทำงานนี้ แทนที่ตามแค่ตามหน้าที่  กลัวว่าจะพาลระรี้เลยเถิดไปกันใหญ่” ไงล่ะ...ชายไทย งามหน้ามนุษย์ต่างดาวไม๊ 
.
  ...ผมทำมา 3 ปีแล้ว รู้สึกเบื่อมาก อยากเลิกทำ”  เอ้าๆๆ มีผู้ชายแบบนี้บนโลกด้วย "จริงๆ ครับ ผมไม่ชอบนอนกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก  ผมต้องทนฝืนเพื่องาน”  นี่จะฟังดูดี หรือพี่จะหมั่นไส้น้องดีกันแน่นะ  ผมชักแยกแยะอารมณ์ตัวเองไม่ออก แต่ก็บอกตัวเองให้มองแง่ดีไว้ก่อน  “ ผมอยากเลิกทำ อยากกลับไปเป็นตัวผมเหมือนเดิม ไม่ต้องคอยฟิตหุ่น ไม่ต้องฝืนใจล่าสาว ไม่ต้องพาไปเปลี่ยนเซล์ ไม่ต้องมีสาวมาคอยตาม ผมไม่ชอบ”  มันพูดเนี้ยะรู้ไม๊ว่าผู้ชายคนอื่นหมื่นแสนเค้าอยากเป็นแบบเมิ๊งจะตายห่า...ถ้าชายคนอื่นมาได้ยินเมิงพูดละ เขาคงจะ........ไม่คิดต่อดีกว่าครับ  
.
“ผมเลยพยายามหาคนมาช่วย  และผมก็ได้ละ ข้อมูลว่ามีคนช่วยผมได้ คนนั้น นั่นก็คือพี่  พี่ปั๋ม”
“เฮ้ย ...!!”  เป็นเฮ้ยคำที่ร้อยแน่ๆ ละวะ  และเป็นเฮ้ยอ่ะนะ เฮ้ยที่ออกเสียงดังที่สุดของวันนี้...

.

.

อ่านตอนอื่นๆ ได้ที่    https://www.gotoknow.org/blog/...

หมายเลขบันทึก: 650460เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2018 14:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2018 15:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท