ด้วยชีวิตคนเป็นอยู่แค่ลมหายใจเท่านั้น เมื่อคนสิ้นลมหายใจก็หมดเรื่องนี่ละคือวาระสุดท้ายของการมีชีวิต เมื่อดวงวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างกายแล้วร่างกายคนนั้นสงบนิ่งค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นซีดจางและแข็งเหมือนท่อนไม้ภายใน 3 ชั่วโมง
ช่วงแรกนี้มวลญาติต้องนำร่างกายไร้วิญญาณนั้นอาบน้ำที่ผสมน้ำพุทธมนต์แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเร็วเพราะถ้าช้ากว่า 3 ชั่วโมงนั้นร่างกายแข็งมากยากที่จะสวมใส่เสื้อผ้าได้
ต่อไปให้นำร่างกายนั้นนอนบนเตียงเอาผ้าคลุมร่างกายไว้ให้ญาติเฝ้าดูอยู่ตลอด (เป็นการป้องกันรักษาศพ )แล้วให้นำน้ำพุทธมนต์จากวัดมาเติมน้ำบริสุทธิ์เตรียมทำพิธีรดน้ำศพต่อไป เมื่อถึงกำหนดการแล้วโดยพิธีกรแจ้งแด่แขกที่มาร่วมงานทราบถึงกำหนดการนั้น
เริ่มด้วยเชิญประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วจุดธูปเทียนหน้าศพหลังจากนั้น ประธานในพิธีเปิดผ้าคลุมหน้าศพออกลงมาไว้ระดับคางของศพแล้วเชิญแขกร่วมรดน้ำศพสุดท้ายประธานในพิธีรดน้ำศพและนำผ้าคลุมปิดหน้าศพดังเดิม รอบ้านใหม่คือโลงศพมาแล้วเรียกบุตรชายของผู้ตายมาหามศพบิดาลงโลงศพหรือบ้านใหม่นั้น แล้วเปิดโอกาสให้มวลญาตินำเงินใส่ลงไปในโลงศพนั้นตามแต่ศรัทธาถ้าเป็นใบให้ใส่กระเป๋าเสื้อของศพ( เป็นเทคนิคของสัปเหร่อ ) แล้วนำน้ำหอมพรมให้ทั่วบริเวณภายในโลงศพนั้น
ต่อไปสัปเหร่อทำพิธีท่องคาถาสะกดวิญญาณตามธรรมเนียมท้องถิ่นคือพื้นบ้านชาวใต้แล้วจับมือศพให้ประสานกันพร้อมวางด้ายสายสิญจน์ผ่านมาทางศีรษะของศพลอดด้ายสายสิณจน์นั้นออกมานอกฝาโลงและตอกตระปูปิดฝาโลงศพทันที
ต่อไปเชิญญาติช่วยกันยกโลงศพที่เป็นบ้านใหม่นั้นย้ายไปยังสถานที่จัดตั้งไว้แล้วเพื่อรอเวลาตอนค่ำ นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปมาสวดอภิธรรมศพช่วงเวลา 19.00 น.เป็นต้นไปจนถึงกำหนดวันทำฌาปนกิจที่เจ้าภาพได้ติดต่อทางเมรุที่วัดไว้แล้วตั้งขบวนแห่ศพไปตามปกติช่วงเวลา 15.00 น.เริ่มทำพิธีกรรมเผาศพและเก็บอัฐิในเช้าของวันรุ่งขึ้นเพื่อนำไปลอยอังคารบ้างเก็บใส่ไว้ในโกศบ้างเป็นการเสร็จพิธีกรรมเกี่ยวกับศพนั้นแล.
.........................................................
ขออนุญาตนำภาพที่ผู้เขียนถ่ายภาพจริงมาประกอบเพื่อเป็นกรณีศึกษา
ไม่มีความเห็น