สิ่งที่ครูเป็นห่วงนักเรียนในยุคปัจจุบันอีกหนึ่งเรื่องคือ การใช้สมาร์ทโฟนของนักเรียน ซึ่งจากประสบการณ์การพูดคุยกับเพื่อนครูพบว่า บางโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนใช้หรือนำสมาร์ทโฟนติดตัวไปโรงเรียน บางโรงเรียนก็ไม่มีกฎหรือข้อห้าม โรงเรียนของครูนกอยู่ในกลุ่มหลัง ในความคิดเห็นส่วนตัวเราคงต้องให้นักเรียนพกพาสมาร์ทโฟนมาโรงเรียน แต่สิ่งที่เป็นโจทย์ท้าทายของครูและโรงเรียนคือ เราจะทำอย่างไรให้เด็กๆ ใช้สมาร์ทโฟนอย่างสมาร์ทหรืออย่างสามารถเอื้ออำนวยความสะดวกในตนเองในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
สำหรับครูนกในห้องเรียนเคมีจะสอน จะแนะนำให้เขาใช้สมาร์ทโฟนทำในสิ่งเหล่านี้
<ul><li>เมื่อสอนหรืออ้างอิงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จะชวนหรือกระตุ้นให้เด็กๆ่ ช่วยสืบค้นนิยามความหมาย</li><li>เมื่อทำการทดลอง ใช้สมาร์ทโฟนในการจับเวลา การบันทึกเวลา</li><li>เมื่อทำการทดลองเกี่ยวกับปฎิกิริยาเคมีที่เกิดอย่างรวดเร็ว แนะนำให้นักเรียนบันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือวิดีโอ เพื่อนำศึกษาย้อนหลังได้โดยไม่ต้องทำซ้ำแต่สามารถเก็บรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้</li><li>เมื่อทำการทดลองใช้ทำหน้าที่เป็นแว่นขยายทำให้มองสิ่งที่เกิดในจุดเล็กๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น</li><li>เมื่อสอนสามารถนำมาใช้ทำการสำรวจความคิดเห็น หรือเล่นเกมทางการศึกษาได้</li></ul><p></p><p></p>
<p></p><p> วันนี้ครูนกผันบทบาทจากครูผู้สอนเคมีเข้าไปเป็นนักเรียนเข้าฐานอบรมการใช้เครื่องมือทางฟิสิกส์ คือเวอร์เนียคาร์ลิปเปอร์ ซึ่งจะเป็นการวัดที่ให้ข้อมูลตัวเลขละเอียด แต่การอ่านค่าก็ต้องละเอียดตามไปด้วย ทำให้ครูนกคิดถึงเทคนิคของเด็กๆ คือ อะไรที่เล็กใช้กล้องของสมาร์ทโฟนขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ปรากฎว่า ครูนกนำมาใช้แล้ววิทยากรสังเกตเห็น ทำให้วิทยากรนำไปแนะนำกับเพื่อนๆครูที่เข้ามาร่วมอบรมว่า หากเรามองไม่ชัดหรือต้องการบันทึกข้อมูลไว้อ่านก็ให้ใช้สมาร์ทโฟนถ่ายภาพไว้ ครูต้องขอบคุณเด็กๆ ที่ทำให้ครูมีทัศนคติที่กว้างขึ้นมากมายกับการใช้
สมาร์ทโฟนให้สามารถทำอะไรได้มากมายในเชิงสร้างสรรค์ ขอบคุณค่ะศิษย์ผู้มีพลังแห่งความสร้างสรรค์ทุกคน</p>
บางครั้งสมาร์ทโฟนเมื่อเด็ก ๆ ใช้ถูกที่ถูกเวลาก็เกิดประโยชน์ได้ค่ะคุณครู จริง ๆ โทรศัพท์มือถือในยุคนี้สามารถทำอะไรได้ตั้งมากมายในเรื่องการศึกษาเมื่ออยู่ในมือเด็ก เพียงแต่คุณครูก็ต้องยอมเป็นผู้ชี้นำในทางที่ถูกที่ควรต่อไป