ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ


ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ
ศศิธร จันทร์ศรี. พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลบุรีรัมย์

เย็นวันนึงเวลาประมาณ 17.30  น. ฝนตกแรงมาก  ขณะ นอนดูทีวีเพื่อรอเวลาก่อนออกไปเปิดคลินิกในรอบเย็น  นอนอ่าน Line กลุ่มของโรงพยาบาลอยู่  เจอรูปและข้อความที่บอกว่า  น้องเจ้าหน้าที่การเงิน ถูกฟ้าผ่า!!!  เราได้  Line  ไปถามว่าเป็นอย่างไร ยังไม่มีใครตอบ.   จึงได้โทรไปที่ตึกอุบัติเหตุเพื่อถามอาการ. “ตอนนี้น้องเป็นอย่างไรบ้าง”. น้องพยุาบาลที่รับสายบอกว่า “น้องหมดสติ. ตัวเปียกแต่สัญญาณชีพดี ตัว เย็นมากรายงานหมอที่เป็นหมอเวรมายังติดต่อไม่ได้. แต่หมออีกท่านทราบแล้วแต่ยังไม่ได้มาดู. แต่ได้จองICU  ไว้แล้ว.  รอย้ายค่ะ”. เราวางโทรศัพท์ลงแล้วเล่าให้หอมภาวินี   ที่นั่งอยู่ข้างๆทราบ.  หมอภาวินีบ่นพึมพำว่า “ ต้องออกไปดูมั๊ยเนี่ย ต้องออกไปดูมั๊ยเนี่ย”   แววตาเป็นกังวล.  ผ่านไปประมาณ 10 นาที คุณหมอบอกว่า “แต่งตัวไปเป็นเพื่อนหน่อย” เราเลยถามว่า “เวรด้วยเหรอ. ไม่เวรจะออกไปทำไมฝนตกด้วย”. ภายในใจคิดว่าหมออะไรจะดีขนาดนี้ ไม่ได้อยู่เวรแต่ด้วยความที่ได้รู้เรื่องคนไข้แล้วต้องไปช่วย.  ซี่งขณะนั้น ฝนเริ่มซาลง ได้ตามมาที่ ICU. ภาพแรกที่มองเห็น. น้องนอนบนเตียง ใส่เครื่องช่วยหายใจ มีรอยไหม้ที่ศรีษะด้านซ้าย  เมื่อไปถึงหมอภาวินี เข้าไปเรียกประเมินอาการ สั่งการรักษา แทงเส้น อะไรสารพัดซึ่งเราได้แต่ยืนมองน้อง  และให้กำลังใจสามีและเพื่อนๆร่วมงาน    ภาพที่ยังติดตาเราอยู่จนทุกวันนี้. คือภาพที่สามียืนมองภรรยาผ่านกระจกอยู่ห่างๆด้วยแววตาที่แสดงถึงความห่วงใย.  
   ในวันแรกๆน้องอยู่ที่  Icu  คุณหมอสอนว่า หลังที่โดนฟ้าผ่าวันแรกจะต้องเฝ้าระวังเรืองไต เพราะว่าของเสียจะขับออกทางไต สักสัปดาห์ถัดมา ต้องดูเรื่องการติดเชื่ออะไรสารพัด จะได้รับรู้เรื่องราวมาตลอดเนื่องจากหมอภาวินีเป็นหมอเจ้าของไข้ได้รับการรายงาน ให้คำสั่งการรักษาจึงทำให้เราทราบความเป็นมาเป็นไปตลอดว่าน้องผ่านวิกฤตของชีวิตมาได้อย่างไร ขณะอยู่  ICU 
ประมาณ สอง สัปดาห์ น้องสามารถย้ายมาที่ศัลยกรรมพิเศษ 5 ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยของตนเองที่เป็นหัวหน้าอยู่   น้องมาวันแรกๆจะมีการอาการทางสมองที่ยังมีร่องรอยอยู่น้องจะเอะอะโวยวาย  โกรธ โมโห อาจจะเนื่องจากภาวะที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน หรืออาจจะเพราะหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรด้วยตนเอง ไม่ได้ก็อาจจะประเมินได้  น้องพยาบาลที่ตึกจะไปฉีดยาครั้งแรกที่เจอกันเกือบโดยเตะ  ออกมาจากห้อง   น้องที่ดูแลมาส่งเวรเล่าอาการให้ฟังทุกวันที่เราขึ้นทำงาน

อยู่ที่ตึกเป็นช่วงที่ต้องฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยและญาติ  พยาบาลที่ดูแลต้องเข้าใจ ให้กำลังใจเป็นระยะ. ช่วงแรกๆจะนอนบนเตียงเป็นส่วนใหญ่. ไม่ยอมลุกจากเตียง  น้องยังไม่สามารถที่จะยกแขนข้างขวาได้  แขนซ้ายยกได้บ้าง  ลืมเล่าไปนิดค่ะว่า  น้องขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน จอดรอไฟแดง  ฟ้าผ่าที่ไฟแดง เข้าที่ส่วนไหนไม่แน่ใจแตกระแสฟ้าออกทางแขนขวาปลายนิ้วกลาง ทำให้เส้นประสาทได้รับความกระทบกระเทือน   แพทย์ระบบประสาทอายุรกรรมได้ให้ตรวจสัญญาณระบบประสาทบอกว่า ไม่มีสัญญาณเลย น้องๆอาจไม่สามารถใช้การแขนข้างนี้ได้    แพทย์บอกอาการกับสามีและพ่อของผู้ป่วย   ซึ่งวันนั้นที่บอกข่าวร้ายกับสามีและพ่อเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วย  จึงนำมาเล่าให้แพทย์ภาวินีเจ้าของไข้ได้  แพทย์เจ้าของไข้บอกว่า “กลับยังไงก็กลับ ขอเวลานิดนึง”   พยาบาลคิดในใจขนาดหมอสู้ คนไข้สู้เราก็สู้ด้วย   ส่งฟื้นฟูทุกวัน ติดตามความก้าวหน้าจากพ่อและสามี ทุกวันว่าลงไปกายภาพแล้วทำอะไรได้บ้าง 

น้องฟื้นฟูมาได้เกือบเดือน ร่วมกับกำลังใจที่ดี ของสามีและพ่อ  ผลัดกันมาดูแลไม่เคยห่าง  คอยป้อนข้าว  อาบน้ำ พานอน เห็นแล้วมีความสุข คะ น้องสามารถที่จะยกแขนขวาได้  สามารถเดินได้ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย แววตาและสีหน้าดีขึ้น พูดได้  แต่ในวันที่ฝนตกแรงๆน้องยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง

จนในที่สุดน้องสามารถกลับบ้านได้ และในปัจจุบัน น้องกลับมาทำงานได้เป็นปกติ

ขอบคุณที่ทำให้ทีมงานหอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษ 5 ได้ มีส่วนร่วมในการดูแล  ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาของทีมแพทย์  ทีมพยาบาล ได้เห็นศักยภาพของน้องๆตัวเองที่สามารถฟื้นฟูน้องได้จนได้กลับบ้าน และ ได้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่น ความเชื่อมั่นที่สามีและพ่อ มีให้ต่อลูกสาว     แข็งแรง  แข็งแกร่งต่อไปนะคะ 

หมายเลขบันทึก: 648824เขียนเมื่อ 10 กรกฎาคม 2018 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2018 13:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท