โบราณว่า "พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก" แต่ทุกวันนี้ เราพ่อแม่ยังเป็นครูของลูกๆอยู่รึเปล่า?
แต่ละสัปดาห์ เราสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรให้ครูที่โรงเรียนสอนลูกมากมาย
จะดีไหม ที่พ่อแม่เองก็ต้องแบ่งเวลาไปสอนอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวแก่ลูกๆบ้าง
ในหนึ่งสัปดาห์ ลูกๆจะเรียนกับครูรวมหลายสิบชั่วโมง
แต่จะมีอยู่สองชั่วโมงที่ลูกๆจะได้เรียนวิชากับพ่อ หนึ่งคือวิชาว่ายน้ำ อีกหนึ่งคือวิชาไอคิโด
"ไอคิโด" เป็นวิชาที่ดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย ไม่เหมาะกับคนมักง่ายที่จะเรียนอะไรแบบผิวเผิน คนที่ไม่เคารพวิชา ครูบาอาจารย์ ไม่สนใจรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่เหมาะกับครอบครัวที่ชอบตามใจเด็กๆ หรือคอยแต่จะเห่อ จะโอ๋ลูกๆ
ถึงโลกจะเปลี่ยนไปตามกระแสดิจิตัลแค่ไหน แต่ไอคิโดก็ยังเป็นศาสตร์และศิลป์ที่เน้นการเรียนรู้แบบโบราณคือจากคนสู่คน สื่อต่างๆช่วยได้แต่ไม่มาก การเรียนรู้ที่ต้องอาศัยคนและความสัมพันธ์กับผู้คน ความสอดประสานทั้งกายและใจนี้สำคัญมาก
ในคนฝึก 100 คน หนึ่งปีผ่านไปจะเหลือคนที่มุ่งมั่นอยู่ไม่ถึง 10 คน
และนับไปอีก 10 ปี จาก 10 นี้คนจะเหลือเพียง 1 คนที่ฝ่าฟันจนได้สายดำ
ไอคิโด ไม่ใช่หลักสูตรสำเร็จรูป แบบลวกแล้วกินได้ มันไม่เคยมีคำว่าง่าย
จะมีเงินกี่สิบล้านก็ซื้อ "ความเป็นสายดำ" ไม่ได้
ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝน ที่วินัย ความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อวงการไอคิโดโดยรวม
"ไอคิโด" ของพ่อเป็นวิชาที่เรียนก็ยาก สอนก็ยาก
ยิ่งเอาพ่อมาสอนลูกนี่ยิ่งยาก เพราะอัตตาความเป็นพ่อ มันตีเนียนมาสำแดงฤทธิ์เดชอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อจิตกำหนดรู้ได้ กายปรับความแข็งกร้าวสู่ความอ่อนโยน
นั่นเป็นทางที่จะขัดเกลาพ่อในฐานะผู้ร่วมฝึกไปด้วยกัน
ฝึกฝน-ทบทวน-ใคร่ครวญ-กาย+ใจ-แล้วกลับมาฝึกฝน
เวียนวนเป็นวัฏจักรแห่งการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง
หลายปีที่ผ่านไป กับหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ที่พ่อให้วิชานี้แก่ลูกจึงทรงคุณค่าทั้งต่อลูกและพ่อ
และต่อนิเวศสังคมส่วนรวมในภายภาคหน้า
ขอบคุณที่คืน "ความเป็นครู" มาสู่พ่ออีกครั้ง
อยากเห็นพ่อแม่คนอื่นๆ สอนวิชาอะไรก็ได้สักอย่างแก่ลูกอย่างจริงจังบ้าง อาจจะเป็น การเล่นกีฬา การทำขนม การสะสมแสตมป์ การถ่ายภาพ การตกปลา เลี้ยงไก่ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่อยู่ในชีวิตของคนเป็นแม่พ่อ
แล้วจะรู้ว่า " ความมหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้ในครอบครัว " นั้น มีจริง
” ความมหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้ในครอบครัว “เป็นคำที่น่าทึ่งควรมีในทุกครอบครัว แต่น้อยครอบครัวที่จะมี