เช้าวันนี้..ก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ ผมขุดหลุม ๓ หลุม ให้นักเรียนป.๖ ช่วยกันปลูกต้นทองอุไร ๓ ต้น..มอบให้ มานะ แท๊ค และเจ้าตาล..ช่วยกันปลูกแล้วรดน้ำ
เด็กทั้ง ๓ คน..กลบดินโคนต้นทองอุไร ปักไม้และรดน้ำอย่างเรียบร้อย เจ้าแท๊ค บอก..”ครูครับ..ผมโดนมดคันไฟกัด รู้สึกคันที่มือครับ..”
ผมให้เด็กทุกคนไปล้างมือ มานะ กับเจ้าตาล โดนมดคันไฟกัดเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ส่วนแท๊ค..เด็กชายร่างเล็กและผอมบาง..กำลังคันไปทั้งตัว ริมฝีปากเริ่มบวม
ผมเห็นว่า..ถ้าให้เรียนหนังสือต่อไป คงไม่มีสมาธิแน่ จึงพาแท๊คไปส่งบ้าน เพื่อจะได้หาทางแก้ไข..พอไปถึงบ้าน พ่อของแท๊ครีบทายาให้ลูกชายทันที..
ผมคิดในใจ..ผู้ปกครองมียาแก้คันติดบ้านไว้พร้อม หรือว่าลูกของเขาแพ้มดและแมลงอยู่บ่อยๆ..แต่ช่างเถอะ..”ถ้าหายคันดีแล้ว..โทรบอกผมนะครับ ผมจะมารับไปเรียน...” ผมบอกพ่อแท๊ค
ผมรีบไปซื้อยาน้ำที่ทาแก้ผื่นคันไปไว้ที่ห้องพยาบาล ไม่ทันที่จะทำการสอน มีผู้ปกครองมาขอย้ายนักเรียน ชั้น ป.๑
ก็สุดที่จะทัดทานไว้ เสียดายเด็กจับขั้วหัวใจ เด็กชายโอ..เป็นเด็กร่าเริง เรียนเก่ง ลายมือสวย อ่านคล่องที่สุด ของ ป.๑ แม่กำลังจะพาย้ายไปในวันนี้..เดี๋ยวนี้
ผมทราบมาหลายวันแล้ว ว่าจะมีวันนี้..อั้ม..พี่ชายของโอ อยู่ ป.๓ เล่าให้ผมฟังว่า พ่อกับแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พ่อทำร้ายแม่ด้วย..
วันก่อนแม่มาส่งอั้มกับโอ..ผมก็สังเกตเห็นรอยช้ำใต้ตาของแม่..และผมก็เห็นแววตาของแม่..วัยสาว..มีความเศร้าปะปนอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ผมไม่กล้าถาม..
โอ..ยังมีรอยยิ้มชื่นบาน ตามประสาเด็ก จับมือร่ำลาเพื่อน แล้วจูงมือแม่ไปหาพี่อั้มที่ห้อง ป.๓ โอ..โบกมือให้พี่อั้ม แม่ลูบหัวอั้มพร้อมกับพูดว่า..”ตั้งใจเรียนนะลูก แม่ไปล่ะนะ...”
อั้ม..น้ำตาคลอ..ก้มหน้า ไม่พูดอะไร เหมือนจะรู้สถานการณ์มาบ้างแล้ว
แม่พาเด็กชายโอเดินทาง..พ้นรั้วโรงเรียนไปแล้ว..ผมรู้สึกสงสารอั้ม..อั้มที่สุขภาพไม่แข็งแรง เมษายนที่ผ่านมา..อั้มต้องไปนอนโรงพยาบาลเพราะมีอาการม้ามโต..
แต่อั้ม..ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเรียน สอบได้ที่ ๑ เป็นเด็กที่อ่านคล่อง และลายมือสวยที่สุดของโรงเรียน..แบบนี้..แม่ก็ยังทิ้งไปได้..
“..อั้มต้องเข้มแข็งนะ อยู่กับพ่อ อยู่กับครูนี่แหละ..ไม่ต้องคิดไรมาก...”
ผมพูดแค่นี้..อั้มก็เลยร้องไห้ไม่หยุด..ผมต้องกอดแล้วพาอั้มไปที่ห้องป.๒ ครูผู้หญิง..น่าจะปลอบใจเด็กได้ดีกว่าผม..
สักพัก..ก็มีผู้ปกครองมาอีก เป็นย่าของเด็กชายเบ๊น..ป.๑ ย่ามาบอก ผอ.กับครูประจำชั้นว่า..แม่ของเบ๊น..หนีไปหลายวันแล้ว..ทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ท้ายไร่..
ย่าบอกว่า..ถ้าแม่เบ๊นมารับเบ๊น ผอ.ไม่ต้องให้ไปนะ..ถ้าโทรมาก็ไม่ต้องให้คุยกับเบ๊น เพราะจะทำให้เบ๊นสับสน..” “สับสนอย่างไร? ..” ผมถาม
“เบ๊น จะรอแม่ตลอด คิดว่าแม่ไปเที่ยวบ้านญาติ เบ๊น..มีความหวังว่าแม่จะกลับมา ฉันสงสารหลาน..เบ๊นนั่งรอแม่ทุกวัน แม่เบ๊นไปมีแฟนใหม่แล้ว ฉันเลี้ยงของฉันได้..”
ผมอึ้งกับข้อมูลที่ย่าเบ๊นเล่าให้ฟัง..ยังรู้สึกดีที่ผมยังไม่เสียเบ๊นไป ก่อนหน้านี้โอก็เพิ่งจะย้ายไปได้ไม่ถึงชั่วโมง...
“เมื่อกี้แม่โอ..ก็มาย้ายลูกไปแล้ว ส่วนเบ๊น..ผมจะไม่ให้ใครทั้งนั้นรับรองได้”
“แม่โอ..กับแม่เบ๊นเขาเป็นเพื่อนกัน..พ่อของโอจับได้ว่า..แม่โอจะตีจาก เลยทะเลาะกัน ถึงขั้นลงมือลงไม้ ที่สุดแล้วผู้หญิงไม่ยอม ขอเป็นฝ่ายไป เอาลูกไปคนหนึ่ง” ย่าเบ๊นเล่าให้ผมฟังจนผมประติดประต่อเรื่องได้ทั้งหมด..
อย่างน้อย..ก็ได้การบ้านข้อใหญ่ ที่จะต้องดูแลเด็กชายสองคน ทั้งอั้ม ป.๓ และเบ๊น ป.๑ ให้เรียนรู้อย่างมีความสุข และปลอดภัย ตลอดจนอบอุ่นใจ..ที่ได้อยู่กับพ่อ กับย่าและครู...
ผมขับรถไปรับเด็กชายแท๊ค..ที่บ้าน เพื่อให้กลับมาเรียนในช่วงบ่าย แท๊คหายคันแล้ว แต่ผมยังครุ่นคิดตลอด น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว..ชีวิตครู..ยังคงต้องทำหน้าที่..ทำได้มากกว่าที่หลายคนกำลังคิดอยู่ ด้วยซ้ำ
ชีวิต..ไม่สามารถเลือกเกิดได้..แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตได้ และครูก็ไม่เพียงแค่จะให้อาหารกาย และอาหารสมองแก่เด็ก..เพื่อการใช้ชีวิตของเขา..เท่านั้น
ครู..ยังต้องดูแล..ให้ความรักและความอบอุ่นแก่เขา..ตลอดไป
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๑