๗๙๕. นี่คือ MINDSET ของฉัน

MINDSET คือ ความเชื่อที่ส่งผลต่อพฤติกรรม...ซึ่งมีคำว่า ATTITUDE และ BELIEF (ทัศนคติและความเชื่ออยู่ด้วย)...สำหรับตัวของฉันแล้วหากวิเคราะห์และสังเคราะห์ตัวตนของตนเองนั้น มี MINDSET ของตัวเอง คือ

๑. การหยุดเปรียบเทียบ...ซึ่งถ้าพูดถึงสมัยเมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ฉันเป็นอยู่บ้างที่ชอบเปรียบเทียบกับผู้อื่น คอยมีคำถามอยู่ในใจเสมอ ๆ ว่า...ทำไมๆๆๆ...ตลอดเวลา ซึ่งมองดูคนที่ดีกว่า เหนือกว่าตนเอง แล้วกลับมองว่าตัวเองต่ำกว่าคนอื่นอยู่ตลอดมา...แต่มา ณ ปัจจุบัน มิมีสิ่งเหล่านี้เลย หากเพราะฉันเองหยุดเปรียบเทียบกับผู้อื่น...แค่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เท่านี้ก็มีความสุขใจเพียงพอแล้ว ไม่เคยคิดเปรียบเทียบ แต่จะมองคนที่ต่ำกว่าเราว่า เรายังมีดีกว่าผู้อื่นอีกตั้งมากมาย หากช่วยคนที่ต่ำกว่าได้ก็จะช่วยเหลือ นี่คือ MINDSET ของฉัน ณ ปัจจุบัน...ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่า ฉันมาหยุดการเปรียบเทียบกับผู้อื่นได้ตั้งแต่ตอนไหน...เพียงแต่ทราบว่า ตอนนี้มิเคยนึกถึงว่าเราจะเปรียบเทียบกับผู้อื่นเลยแม้แต่สักนิดเดียว

๒. ทุกอย่างไม่จำเป็นต้อง PERFECT...เรื่องนี้ก็เช่นกัน ฉันไม่เคยคิดว่าตนเองหรือมนุษย์ทุกคนต้องมีความ PERFECT คิดแบบนี้มานานมาก...อาจเป็นเพราะฉันเข้าใจในหลักธรรมของชีวิตว่าคนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่าเทียมกัน อันเนื่องมาจากต้นทุนมนุษย์ที่มีความแตกต่างกันมากกว่า จะด้วยการเลี้ยงดู ครอบครัว การดูแล สภาพสิ่งแวดล้อม รูปแบบที่เคยสัมผัสเมื่อตอนวัยเด็ก อีกหลาย ๆ เรื่องที่ทำให้มนุษย์เรามีความแตกต่างกัน จึงทำให้ฉันมีความคิดว่า "มนุษย์ทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบดังที่ทุกคนคิดและหวัง"...เพียงแต่ว่า เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรเท่านั้นเอง

๓. การหาหลักฐานเสริมความคิด...คือ ในบางเรื่องตัวฉันเองอาจเป็นคนที่คิดไปเองว่า บางเรื่องที่มีคนพูด คนมอง เขาอาจมองหรือพูดในมุมความคิดของเขา ซึ่งอาจมิได้คิดร้ายกับเรา แต่เรากลับคิดไปเองว่าคนอื่นกำลังว่าตัวเรา...การปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องนี้ คือ การอย่านำมาใส่ใจ คิดในใจเสมอว่า ตัวเราเริ่มกำลังคิดมากไปแล้วกับเรื่องนี้ อาจไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังคิดร้าย...จึงพยายามหัดหันกลับมาเป็นคนคิดบวก คิดเชิงสร้างสรรค์ความคิด คิดแต่สิ่งที่ดี ๆ ต่อตนเองและผู้อื่นเสมอ...คิดเสมอว่า การคิดขึ้นอยู่กับตัวของผู้คิดเอง คือ คิดดี เขาก็จะได้ดี...แต่หากเขาคิดร้ายเขาก็จะได้รับผลร้ายเช่นกัน เฉกเช่นกับตัวของเราเอง หากคิดดี เราก็จะได้ดีตอบ แต่หากคิดร้าย สิ่งร้ายก็จะเข้ามาสู่ตัวของเราเอง

๔. ให้คำจำกัดความใหม่ของคำว่า "ผิดพลาด"...หากเป็นเมื่อสมัยเด็ก ๆ ฉันเองกลัวมากกับคำว่า "ผิดพลาด" จึงทำให้ไม่กล้ากระทำ กลัวว่าจะเกิดสิ่งเลวร้ายมาสู่ตนเอง จะคิด จะทำสิ่งใด ๆ ก็กลัวไปหมด...แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดการผิดพลาดสอนให้ตัวของฉันทราบว่า...มิมีสิ่งใด ๆ ที่มันจะผิดพลาดไม่ได้ ในมุมมอง MINDSET ของฉันกลับคิดว่า...เมื่อสิ่งใดที่ผิดพลาด ถือว่า เป็นครูสอนเราว่า เมื่อมันผิดพลาดครั้งแรกแล้ว ขอให้เป็นครั้งเดียวแล้วเราควรจดจำมันไปตลอดชีวิต อย่าให้ผิดซ้ำซากเป็นรอบที่ ๒ หรือครั้งต่อๆ ไปอีก...จงจำไว้เป็นบทเรียนในการสอนตน...ต้องจำไว้เป็นครูสอนตนของเราเองให้ได้...และจะทำให้เราเองเกิดความแข็งแกร่งในการได้รับบทเรียนนั้น ๆ อาจเรียกได้ว่า "มันคือ ประสบการณ์ที่ตัวฉันได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั่นเอง" นี่คือ นิยามคำศัพท์ใหม่ของคำว่า "ผิดพลาด" สำหรับความคิดของฉันเอง ณ ปัจจุบัน

๕.ควรหยุดสนใจกับความคิดของคนอื่นมากเกินไป...นี่ก็เป็นข้อหนึ่งของการที่คนเราควรหยุดไปสนใจในคำพูดหรือความคิดของผู้อื่นที่คอยพูด คอยว่าตัวเราเอง...เพราะโลกปัจจุบันมีคนที่หวังดีและไม่หวังดีต่อตัวของเราเองมากมาย เพียงแต่ว่าเราควรหรือไม่ที่จะแคร์คำพูดหรือการกระทำของคนอื่น...สำหรับตัวของฉันเอง สิ่งที่คิดว่า เมื่อเราทำดีต่อตนเองและผู้อื่นได้แล้ว แค่นั้น นั่นคือ จบ...มิได้ใส่ใจในคำพูด หรือการกระทำของคนอื่น เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของตัวฉันเอง เราไม่สามารถไป Control พวกเขาได้เลย ฉะนั้น จงเลิกที่จะใส่ใจคนอื่นเสีย เพราะหากสนใจ ใส่ใจมาก ๆ เข้า จะทำให้เราเกิดความทุกข์ใจไปเปล่า ๆ

จากที่เขียนมาข้างต้น...หากสรุปแล้ว นั่นคือ การนำหลักธรรมมาใช้กับชีวิตประจำวัน...การปรับเจตคติของตัวเราเอง ทำในสิ่งที่ดี ๆ ทำจิตใจ และชีวิตของเราเองให้มีความสุขในทุก ๆ วัน เท่านั้นเอง...และนี่ก็คือ...MINDSET ของฉัน...สุดท้ายสิ่งที่หวัง นั่นคือ "ความสุข"...รวมถึงทั้งทางกายและด้านจิตใจ บั้นปลายที่มนุษย์ต้องการ...ความสุขกายและสบายใจ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ  แสงเงิน

๗ มิถุนายน ๒๕๖๑