ในโลกของการทำงาน...ทุก ๆ อาชีพ เรียกได้ว่า มีจรรยาบรรณในวิชาชีพเป็นของตนเองทั้งนั้น ไม่ว่าอาชีพใด ๆ...จรรยาบรรณจะฝังอยู่ในตัวตนของตัวเอง...เรียกได้ว่า จรรยาบรรณ คือ องค์ความรู้ + จิตสำนึก + การตระหนักรู้ของตนเองว่า "ควรหรือไม่ควรกระทำ"...สิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี...หากคนเรามีจิตที่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดดี สิ่งใดควรกระทำ นั่นล่ะ จะสามารถบ่งบอกได้ถึง การมีจรรยาบรรณเป็นของตนเอง...แม้จะเป็นการยากที่บอกว่า...จรรยาบรรณวัดได้จากตรงไหน...จรรยาบรรณวัดได้จากสิ่งที่จะกระทำออกมา เพราะจรรยาบรรณจะเกี่ยวเนื่องกับ "จิตสำนึก" ของตนเอง เป็นการยาก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป...สิ่งที่จะบ่งบอกได้ นั่นคือ วัดจากการกระทำ เช่น การคิดดี พูดดี และกระทำดี ตัวกระทำจะเป็นพฤติกรรมการแสดงออกของคน ๆ นั้น ว่า "คน ๆ นั้น มีจรรยาบรรณหรือไม่?
ทุก ๆ อาชีพ มีจรรยาบรรรณทั้งนั้น หลักในการกำหนดจรรยาบรรณในการทำงานและการประกอบอาชีพ คือ
๑. ยึดมั่นและยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง
๒. ซื่อสัตย์ สุจริตและรับผิดชอบ
๓. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
๔. ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
๕. มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน
๖. ไม่มีอำนาจครอบงำ ทำผิดทำนองคลองธรรมต่อผู้อื่น
สำหรับจรรยาบรรณในการทำงานที่คนทำงานต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ นั่นคือ
๑. จรรยาบรรณต่อตนเอง วิชาชีพและการปฏิบัติงาน ได้แก่
๑.๑ พึงกระทำตนเป็นผู้มีศีลธรรมอันดีและประพฤติตนให้เหมาะสมกับการทำงานนั้น ๆ
๑.๒ พึงใช้วิชาชีพในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตว์ และไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ในกรณีที่วิชาชีพใดมีจรรยาบรรณวิชาชีพกำหนดไว้ก็พึงปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพนั้นด้วย
๑.๓ พึงมีทัศนคติที่ดีและพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถและทักษะในการทำงานเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผลยิ่งขึ้น
๑.๔ พึงปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและแบบธรรมเนียมของส่วนราชการและหน่วยงานที่ตนเองได้สังกัดอยู่
๒. จรรยาบรรณต่อหน่วยงาน
๒.๑ พึงยึดมั่นในปณิฐานของหน่วยงานนั้น ๆ
๒.๒ พึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เสมอภาคและปราศจากอคติ
๒.๓ พึงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ รอบคอบ รวดเร็ว ขยันหมั่นเพียร ถูกต้อง สมเหตุสมผล โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทางราชการ หน่วยงานที่ตนสังกัดและประชาชนเป็นสำคัญ
๒.๔ พึงปฏิบัติตนเป็นผู้ตรงต่อเวลา และใช้เวลาราชการให้เป็นประโยชน์ต่อทางราชการหรือหน่วยงานที่ตนเองได้สังกัดอย่างเต็มที่
๒.๕ พึงดูแล รักษาทรัพย์สินของทางราชการหรือหน่วยงานที่ตนเองได้สังกัดอย่างประหยัด คุ้มค่า โดยระมัดระวังมิให้เสียหาย หรือสิ้นเปลืองเยี่ยงวิญญูชนจะพึงปฏิบัติต่อทรัพย์สินของตนเอง
๓. จรรยาบรรณต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงาน
๓.๑ พึงมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือกลุ่มงานของตนทั้งในด้านการให้ความคิดเห็น การช่วยทำงาน และการแก้ปัญหาร่วมกัน รวมทั้งการเสนอแนะในสิ่งที่เห็นว่าจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนางานในความรับผิดชอบด้วย
๓.๒ ผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นผู้บังคับบัญชาพึงประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีและพึงดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งในด้านการปฏิบัติงาน ขวัญกำลังใจ สวัสดิการและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยหลักการและเหตุผลที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
๓.๓ พึงช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทางที่ชอบ รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ร่วมแรงร่วมใจในบรรดาผู้ร่วมงานในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อพัฒนากิจการต่าง ๆ ของหน่วยงานและมุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ
๓.๔ พึงปฏิบัติต่อผู้ร่วมงาน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องด้วยความสุภาพ มีน้ำใจ มีมนุษยสัมพันธ์และมีความสัมพันธ์ที่ดี
๓.๕ พึงละเว้นจากการนำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
๓.๖ พึงส่งเสริมให้เพื่อนผู้ร่วมงานปฏิบัติตามจรรยาบรรณของหน่วยงาน
นี่คือ หลักพื้นฐานของการมีจรรยาบรรณในโลกของคนที่ทำงาน ยังมีอาชีพอื่นอีกที่ต้องมีจรรยาบรรณของอาชีพนั้น ๆ เช่น อาชีพครู อาจารย์ ควรมีจรรยาบรรณต่อนักศึกษา ผู้รับบริการ ประชาชนและสังคม...จรรยาบรรณของอาจารย์ เป็นต้น...สำหรับคนทำงานควรเรียนรู้และฝึกตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะจรรยาบรรณ คือ การแสดงถึงภายในจิตใจของคน ๆ นั้น ที่ควรต้องตระหนักรู้ สำนึกรู้ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ เรียกว่า การมี "จรรยาบรรณวิชาชีพ"...ควรฝึกให้ได้ เพราะ นี่คือ กฎ เกณฑ์ กติกาของการมีคุณธรรมของคน บนโลกของการทำงาน...เพราะการสร้างค่าในตนเอง คือ การมีจรรยาบรณวิชาชีพของตนเองและพึงกระทำให้ติดเป็นนิสัย...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้
บุษยมาศ แสงเงิน
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น