54. กายและใจคืออาการของความไม่รู้


54. กายและใจคืออาการของความไม่รู้


ถาม  เราเคยคุยกันเรื่อง บุคคล – ผู้เฝ้ารู้เฝ้าดู – สิ่งสูงสุด (vyakti-vyaktaavyakta)

ท่านบอกว่า สิ่งสูงสุดเท่านั้นมีอยู่จริง และผู้เฝ้ารู้เฝ้าดูมีอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งในสถานที่หนึ่ง

บุคคลเป็นสิ่งมีชีวิต หยาบและละเอียด ส่องสว่างโดยการมีอยู่ของผู้เฝ้ารู้เฝ้าดู

ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้

ท่านยังใช้คำว่า mahadakash, chidakash และ paramakash

มันเกี่ยวข้องกับบุคคล ผู้เฝ้ารู้เฝ้าดู และ สิ่งสูงสุด อย่างไร?

ตอบ  Mahadakash คือธรรมชาติ คือมหาสมุทรแห่งการดำรงอยู่ เป็นที่ว่างเชิงกายภาพที่มีสุกสรรพสิ่งที่สามารถรับรู้ได้ทางประสามสัมผัส

Chidakash คือสนามแห่งความตระหนักรู้ ที่ว่างเชิงจิตวิญญาณของกาลเวลา การรับรู้ และการหมายรู้

Paramakash คือความจริงแท้ที่ไร้กาลเวลา ไร้สถานที่ ไร้จิต ไร้การแบ่งแยก ศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุด ต้นตอแห่งแหล่งกำเนิด คือเรื่องราวและแก่นแท้ ทั้งสสารและความรู้ตัว – แต่ก็อยู่เหนือทั้งสองอย่างนั้น

มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ รับรู้ได้ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสบการณ์ตรงถึงการมีอยู่ของมันในลักษณะของผู้เฝ้ารู้เฝ้าดูธรรมชาติที่เฝ้ารู้เฝ้าดู รับรู้ธรรมชาติที่กำลังรับรู้ เป็นจุดตั้งต้นและจุดสิ้นสุดของการอุบัติขึ้นทั้งปวง เป็นรากของเวลาและสถานที่ เป็นสาหนตุหลักของทุกสายโซ่แห่งปฏิจจสมุปบาท

 

ถาม  vyakta และ avyakta ต่างกันอย่างไร?

ตอบ  มันไม่แตกต่างกัน เหมือนแสงสว่างและเวลากลางวัน

จักรวาลเต็มไปด้วยแสงสว่างซึ่งเธอมองไม่เห็น แต่เป็นแสงเดียวกับที่เธอเห็นว่าเป็นกลางวัน

และสิ่งที่กลางวันเผยให้เห็นคือ vyakti

บุคคลมักเป็นสิ่งที่ถูกรู้เสมอ ธรรมชาติรู้คือผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้ารู้เฝ้าดู และความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่างนี้ เป็นการพึ่งพาอาศัย ขึ้นอยู่ต่อกัน คือภาพสะท้อนของเอกลักษณ์ที่แท้ของมัน

เธอจินตนาการไปเองว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นสภาวะที่แปลกแยกและแตกต่าง

มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

มันคือธรรมชาติรู้อันเดียวกัน ส่วนหนึ่งอยู่นิ่ง อีกส่วนหนึ่งเคลื่อนไหว

แต่ละสถภาวะจะรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน

ใน chit มนุษย์รู้จักพระเจ้า และพระเจ้ารู้จักมนุษย์

ใน chit มนุษย์สร้างรูปร่างของโลก และโลกสร้างรูปร่างของมนุษย์

Chit คือความเชื่อมโยง คือสะพานระหว่างความสุดโต่งสองด้าน คือปัจจัยที่สร้างสมดุลและสร้างความเป็นหนึ่งในทุกประสบการณ์

ภาพรวมของสิ่งถูกรู้ คือสิ่งที่เธอเรียกว่า สสาร

ภาพรวมของธรรมชาติที่เฝ้ารู้เฝ้าดู คือสิ่งที่เธอเรียกว่าจิตจักรวาล

เอกลักษณืของทั้งสองนี้ แสดงตนออกมาในรูปของการสามารถรู้ได้ และการรู้ ความกลมกลืนและปัญญา ความน่ารักและการรัก แสดงตัวของมันออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

 

ถาม  gunas ทั้งสาม อันได้แก่ sattva--rajas—tamas มันอยู่เฉพาะในสสาร หรืออยู่ในใจด้วย

ตอบ  ในทั้งสองอย่าง เพราะทั้งสสารและใจไม่สามารถแบ่งแยกออกจากกันได้

มีเพียงธรรมชาติสูงสุดเท่านั้นที่อยู่เหนือ gunas

อันที่จริง มันเป็นเพียงแค่ความคิดเห็น เป็นแค่วิถีทางในการมอง

มันมีอยู่ในใจเท่านั้น

เหนือใจ ความแตกต่างทั้งหลายสิ้นสุดลง

 

ถาม  จักรวาล เป็นผลผลิตของประสาทสัมผัสใช่หรือไม่?

ตอบ  เมื่อเธอลืมตาตื่นในตอนเช้า เธอสร้างโลกของเธอขึ้นมาอีกครั้ง จักรวาลก็เผยตัวออกมาในลักษณะเดียวกัน

ใจมีอวัยวะทั้งห้าในการรับรู้ มีอวัยวะทั้งห้าในการกระทำ และมียานแห่งการรับรู้ห้าอย่าง เช่น ความทรงจำ ความคิด เหตุผล และอัตตาตัวตน

 

ถาม  วิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้าไปมาก

เรารู้จักร่างกายและใจดีมากขึ้นกว่าบรรพบุรุษของเรา

วิธีดั้งเดิมของท่าน ในการอธิบายและวิเคราะห์ใจและสสาร ไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้ว

ตอบ  แล้วนักวิทยาศาสตร์ของเธอรวมทั้งศาสตร์ของเขาอยู่ที่ไหน?

พวกเขาก็เป็นแค่ภาพในใจของเธอใช่หรือเปล่า?

 

ถาม  ตรงนี้แหละที่แตกต่าง

สำหรับผม เขาเหล่านั้นไม่ใช่ภาพฉายของผม

พวกเขามีชีวิตอยู่ก่อนที่ผมเกิด และยังคงอยู่เมื่อผมตาย

ตอบ  ถูกต้อง เมื่อเธอยอมรับว่าเวลาและสถานที่มีจริง เธอจะมองตัวเธอว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยและคงอยู่ชั่วขณะเท่านั้น

แต่เขาเหล่านั้นเป็นจริงหรือ?

พวกเขาขึ้นอยู่กับเธอ หรือเธอขึ้นอยู่กับพวกเขา?

ในฐานะของร่างกาย เธออยู่ในที่ว่าง

ในฐานะของใจ เธออยู่ในกาลเวลา

แต่เธอเป็นแค่ร่างกายที่มีใจอยู่ภายในแค่นี้หรือ?

เธอเคยศึกษาค้นคว้าดูหรือเปล่า?

 

ถาม  ผมไม่มีทั้งแรงกระตุ้นหรือวิธีการที่จะทำอย่างนั้น

ตอบ  ฉันกำลังเสนอทั้งสองอย่างให้แก่เธอ

แต่การลงมือทำงานเพื่อเกิดญาณปัญญาและการปล่อยวาง (viveka-vairagya) เป็นหน้าที่ของเธอ

 

ถาม  แรงกระตุ้นเพียงอย่างเดียวที่ผมสามารถรับรู้ได้คือความสุขที่ไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยและไม่ขึ้นกับกาลเวลา แล้วผมจะทำอย่างไร?

ตอบ  ความสุข เป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นเอง

แรงกระตุ้นที่แท้จริงและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ ความรัก

เธอเห็นผู้คนมีความทุกข์ และเธอแสวงหาวิธีดีที่สุดที่จะช่วยพวกเขา

คำตอบนั้นชัดเจน – ขั้นแรก เธอต้องทำให้ตัวเองพ้นจากการต้องมีคนอื่นมาช่วยเสียก่อน

ให้มั่นใจว่าทัศนคติของเธอนั้นเป็นความปรารถนาดีที่บริสุทธิ์ อิสระจากการคาดหวังทั้งปวง

บุคคลที่แสวงหาแค่ความสุข มักจบลงที่ความเฉยเมยที่น่าศรัทธา ในขณะที่ความรักจะไม่หยุดนิ่ง

สำหรับวิธีการ มีแค่ทางเดียว – เธอต้องรู้จักตัวเอง – ทั้งสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นเธอในภายนอก และความเป็นเธอที่แท้จริง

ความชัดเจน และความกรุณา จะไปด้วยกัน – ทั้งสองต้องพึ่งพากันและเติบโตไปด้วยกัน

 

ถาม  ความกรุณา หมายรวมถึงการมีอยู่ของโลกวัตถุ อันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ตอบ  โลกไม่ใช่วัตถุ และความโศกเศร้าที่เนื่องกับโลกไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้

ความกรุณา เป็นคำที่หมายถึงการปฏิเสธที่จะทนทุกข์ด้วยเหตุผลที่จินตนาการไปเอง

 

ถาม  ถ้าเหตุผลเป็นเพียงจินตนาการ แล้วทำไมความทุกข์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้?

ตอบ  มิจฉาทิฏฐิคือสิ่งที่ทำให้เธอทุกข์ ความอยาก ความกลัว ความเชื่อ และแนวคิด รวมทั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หากตั้งอยู่บนฐานแห่งมิจฉาทิฏฐิ จะก่อทุกข์

เมื่อเธอพ้นจากมิจฉาทิฏฐิ เธอจะเป็นอิสระจากความเจ็บปวด

ความจริงแท้ ทำให้เกิดความสุข – ความจริงแท้ ปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

 

ถาม  ความจริงก็คือ ผมคือใจที่ถูกกักกันอยู่ในร่างกาย และนี้คือความจริงที่ไร้ความสุขอย่างยิ่ง

ตอบ  เธอไม่ใช่ร่างกาย และเธอก็ไม่ได้อยู่ในร่างกาย – อันที่จริงแล้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าร่างกาย

เธอเข้าใจผิดอย่างมหันต์เกี่ยวกับตัวเอง จงศึกษาค้นคว้า เพื่อเข้าใจให้ถูกต้อง

 

ถาม  แต่ผมเกิดขึ้นมาในลักษณะของร่างกาย อยู่ภายในร่างกาย และจะต้องตายไปกับร่างกาย ในลักษณะของร่างกาย

ตอบ  นี่คือความเข้าใจผิดของเธอ

จงสืบเสาะ ค้นคว้า ตั้งข้อสงสัยในตัวเธอเองและคนอื่นๆ

ในการที่จะพบความจริงแท้ เธอต้องไม่เกาะเกี่ยวอยู่กับความเชื่อมั่น ถ้าเธอเชื่อในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เธอจะไม่มีวันเข้าถึงสิ่งสูงสุด

ความคิดว่าเธอเกิดมา และเธอต้องตาย เป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง ขัดแย้งทั้งด้านตรรกะ และประสบการณ์จริง

 

ถาม  เอาละๆ ผมจะไม่ยืนยันว่าผมคือร่างกาย

ที่ท่านพูดฟังดูมีเหตุผล

แต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะที่ผมพูดกับท่าน มันชัดเจนอยู่แล้วว่าผมอยู่ในร่างกายของผม

ร่างกายอาจไม่ใช่ผม แต่มันเป็นของผม

ตอบ  จักรวาลทั้งหมด สนับสนุนอย่างไม่หยุดยั้งต่อการมีอยู่ของเธอ

ดังนั้น จักรวาลทั้งหมดคือร่างกายของเธอ

ในลักษณะเช่นนั้น – ฉันเห็นด้วย

 

ถาม  ร่างกายของผมมีอิทธิพลต่อผมอย่างลึกซึ้ง

ร่างกายของผมคือชะตาชีวิตของผม

บุคลิกภาพของผม อารมณ์ของผม ปฏิกิริยาต่อสิ่งต่างๆของผม ความต้องการและความกลัวของผม – ทั้งที่มีมาตั้งแต่เกิด และที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่ ล้วนเกิดขึ้นได้เพราะมีร่างกาย

ถ้าผมดื่มเหล้า เสพยาเสพติด หรืออื่นๆ ทั้งหมดก็จะเปลี่ยนไป

ผมจะเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยาเสพติด

ตอบ  ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เพราะเธอคิดว่าตัวเธอคือร่างกาย

ถ้าเธอตระหนักรู้ถึงความเป็นเธอที่แท้ แม้ยาเสพติด จะไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือเธอได้

 

ถาม  ท่านสูบบุหรี่หรือเปล่า?

ตอบ  ร่างกายของฉันเก็บเอานิสัยบางอย่างไว้ ซึ่งอาจดำเนินต่อไปจนมันตาย

มันไม่มีอันตรายอะไรในนิสัยเหล่านั้น

 

ถาม  ท่านกินเนื้อสัตว์หรือเปล่า?

ตอบ  ครอบครัวของฉันกินเนื้อสัตว์ และลูกๆของฉันกินเนื้อสัตว์

ฉันกินเนื้อสัตว์แต่น้อย – และไม่ทำตัวให้ยุ่งยาก

 

ถาม  การกินเนื้อสัตว์หมายรวมว่ามีการฆ่า

ตอบ  แน่นอน ฉันไม่ได้กล่าวอ้างว่าฉันมีข้อวัตรที่สม่ำเสมอ

เธอคิดว่าความสม่ำเสมอโดยเคร่งครัดเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ จงทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างเพื่อพิสูจน์สิ

อย่าพูดในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ

เอาละ ย้อนกลับมาคุยกันเรื่องการเกิด

เธอยึดติดกับสิ่งซึ่งพ่อแม่บอกเธอ ทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศ การตั้งครรภ์ และการเกิด เด็กแรกเกิด เด็กเล็ก เด็กประถม วัยรุ่น และอื่นๆ

ทีนี้ จงเปลื้องตัวเองจากความคิดว่า เธอคือร่างกาย โดยคิดเสียใหม่ว่าเธอไม่ใช่ร่างกายนี้

มันก็เป็นความคิดเหมือนกัน แต่ตอนนี้ เอามันมาใช้ก่อน แล้วค่อยทิ้งมันไปเมื่องานสำเร็จ

ความคิดว่า ฉันไม่ใช่ร่างกาย เป็นการป้อนความจริงให้กับร่างกาย อันที่จริงแล้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าร่างกาย มันเป็นแค่สภาวะของใจ

เธอสามารถมีร่างกายมากเท่าไหนก็ได้ และหลากหลายรูปแบบขนาดไหนก็ได้ตามชอบ และทิ้งสิ่งที่ไม่เข้ากันออกไป แค่จำไว้เสมอว่าเธอต้องการอะไร แล้วทิ้งสิ่งไม่สอดคล้องออกไป

 

ถาม  ผมเป็นเหมือนกล่องที่อยู่ภายในกล่อง และภายในอีกกล่อง กล่องชั้นนอกสุด เล่นบทบาทเป็นร่างกาย และกล่องชั้นในที่อยู่ถัดเข้ามา – เล่นบทบาทของจิตวิญญาณที่อยู่ภายในร่างกาย

เมื่อเราทำให้กล่องชั้นนอกสุดเป็นนามธรรม กล่องชั้นถัดมาจะกลายเป็นร่างกาย และอันที่อยู่ถัดมาก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณ

มันเป็นความต่อเนื่องที่ไม่มีสิ้นสุด เป็นการเปิดกล่องที่ไม่มีจบ กล่องสุดท้ายคือจิตวิญญาณสูงสุดใช่หรือไม่?

ตอบ  ถ้าเธอมีร่างกาย เธอก็ต้องมีจิตวิญญาณ อาจอุปมาได้เหมือนรังที่ประกอบด้วยกล่องจำนวนมาก

แต่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ความตระหนักรู้ได้สาดส่องออกมาผ่านร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดของเธอ เป็นแสงอันบริสุทธิ์แห่ง chit

จงยึดมั่นอยู่กับแสงนี้อย่างเหนียวแน่น

ถ้าไม่มีการตระหนักรู้ ร่างกายนี้จะไม่คงอยู่ได้แม้เพียงหนึ่งวินาที

ในร่างกาย มีกระแสพลังงาน เต็มไปด้วยปัญญาและความรัก ซึ่งนำทาง รักษา และให้พลังงานแก่ร่างกาย

จงค้นหาให้พบกระแสพลังนั้น แล้วอยู่กับมัน

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่คำพูด

ถ้อยคำ เป็นได้ทั้งสะพาน และเป็นได้ทั้งสิ่งปิดกั้น

จงหาให้พบประกายแห่งชีวิตซึ่งร้อยเรียงเนื้อเยื่อร่างกายของเธอและอยู่กับมัน

มันเป็นความจริงแท้เพียงสิ่งเดียวที่มีในร่างกายนี้

 

ถาม  อะไรจะเกิดขึ้นกับประกายแสงนั้นหลังจากความตาย?

ตอบ  มันอยู่เหนือกาลเวลา การเกิดและการตาย เป็นเพียงแค่จุดหนึ่งในกาลเวลา

ชีวิต ถักทอเส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนของมันอย่างไม่สิ้นสุด

การถักทอนี้เกิดขึ้นในกาลเวลา แต่ชีวิตเองไร้กาลเวลา

ไม่ว่าเธอจะให้ชื่อหรือรูปร่างอย่างไรแก่การแสดงตัวของชีวิต มันเป็นเหมือนมหาสมุทร – ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 

ถาม  ที่ท่านพูดฟังดูน่าเชื่อมาก

แต่ความรู้สึกว่าผมเป็นแค่บุคคลในโลกที่แปลกแยกและแตกต่าง มักจะทารุณและอันตราย ก็ยังไม่สามารถสิ้นสุดลงได้

ในฐานะของบุคคล ซึ่งถูกจำกัดด้วยสถานที่และกาลเวลา ผมจะตระหนักได้อย่างไรว่าผมเป็นสิ่งที่ตรงข้าม ไม่ได้เป็นบุคคล เป็นความตระหนักรู้แห่งจักรวาล และเป็นความว่างเปล่า?

ตอบ  เธอยืนยันว่าตัวเองเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้เป็น และปฏิเสธว่าเธอไม่ได้เป็นในสิ่งที่เธอเป็น

เธอละเว้นองค์ประกอบของความรู้ความเข้าใจที่บริสุทธิ์ องค์ประกอบของความตระหนักรู้ที่เป็นอิสระจากความเห็นผิดเพี้ยนส่วนตัว

ถ้าเธอไม่สามารถยอมรับความจริงแท้ของ chit เธอจะไม่มีวันรู้จักตัวตนที่แท้ของเธอ

 

ถาม  แล้วผมจะทำยังไง? ผมไม่เห็นตัวเองเหมือนอย่างที่ท่านเห็น

บางทีท่านอาจจะถูก และผมอาจจะผิด แต่ผมจะหยุดความรู้สึกว่าผมเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างไร?

ตอบ  เจ้าชายที่เชื่อว่าตนเป็นขอทาน ไม่มีใครจะทำให้เชื่อได้โดยการบอกแต่ฝ่ายเดียว เจ้าชายนั้นจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ทำตัวให้เป็นเหมือนเจ้าชาย และดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอจงทำตัวเหมือนกับว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง และตัดสินโดยสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

ทั้งหมดที่ฉันขอจากเธอคือความเชื่อสักเล็กน้อยที่ทำให้เธอเริ่มก้าวแรก

จากนั้น ประสบการณ์ตรงจะทำให้เธอเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และเธอจะไม่ต้องการฉันอีกต่อไป

ฉันรู้ว่าเธอคืออะไร และฉันได้บอกเธอแล้ว

ขอให้เชื่อใจฉันสักระยะหนึ่งเถิด

 

ถาม  ในการที่จะอยู่กับที่นี่ ดี๋ยวนี้ ผมต้องการร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของผม

ในการทำความเข้าใจ ผมต้องการใจ

ตอบ  ร่างกายและใจ เป็นเพียงอาการของความไม่รู้ ความเข้าใจผิด

จงทำตัวเหมือนว่าเธอเป็นความตระหนักรู้ที่บริสุทธิ์ ไร้กาย ไร้ใจ ไร้ที่อยู่ ไร้กาลเวลา อยู่เหนือ”ที่ไหน” และ “เมื่อไหร่” และ “อย่างไร”

อยู่กับมัน คิดถึงมัน เรียนรู้ที่จะยอมรับว่ามันคือความจริงแท้

อย่าต่อต้านมันและปฏิเสธมันตลอดเวลา

อย่างน้อยที่สุด รักษาใจให้เปิดกว้าง

โยคะ (การปฏิบัติ) คือการดัดภายนอกให้โน้มเข้าภายใน

จงทำให้กายและใจของเธอ แสดงออกถึงสิ่งที่เป็นจริง ซึ่งเป็นทุกสิ่งและอยู่เหนือทุกสิ่ง

เธอจะประสบความสำเร็จโดยการลงมือทำ ไม่ใช่โดยการถกเถียงโต้แย้ง

 

ถาม  กรุณาอนุญาตให้ผมย้อนกลับมาที่คำถามแรก

ความคิดผิดๆเรืองการมีอยู่ของบุคคลหรืออัตตาตัวตน เกิดขึ้นมาจากไหน?

ตอบ  สิ่งสูงสุดมีอยู่ก่อนกาลเวลา ตอนแรก ความตระหนักรู้จะเกิดขึ้นก่อน

แล้วกลุ่มแห่งความทรงจำ และอุปนิสัยทางใจ เริ่มดึงดูดความสนใจ ความตระหนักรู้โฟกัสความสนใจไปที่นั่น และความเป็นบุคคลหรืออัตตาตัวตนก็เกิดขึ้นโดยทันที

ถ้าเธอนำแสงสว่างแห่งความตระหนักรู้ออกไป เช่น เข้านอน หรือสลบ – บุคคลก็จะหายไป

บุคคล (vyakti) เป็นสิ่งเกิดดับ แต่ความตระหนักรู้ (vyakta) โอบล้อมที่ว่างและเวลาไว้ภายใน ส่วนสิ่งสูงสุด (avyakta) แค่มีอยู่เป็นอยู่

 

ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

 

 

หมายเลขบันทึก: 645900เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2018 19:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2018 19:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท