วันที่ ๓๐ มกราคมผู้ได้รับพระราชทานรางวัลไปเยี่ยมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลในตอนเช้า รับเลี้ยงอาหารเที่ยง (ที่อร่อยสุดๆจากโรงแรมเลอบัว) แล้วไปบรรยายเล่าเรื่องผลงานที่ได้รับการยกย่องในตอนบ่ายเวลา ๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ น.
การไปฟังการบรรยายนี้ให้ความสุขความพึงพอใจแก่ผมอย่างที่สุด
เนื่องจากปีนี้รางวัลด้านสาธารณสุขมีผู้ได้รับพระราชทานรางวัลถึง๔ คน เขาจึงตกลงกันว่าพูดเพียง ๒ คน คือด้านการผลิตวัคซีน (Hib) กับด้านการนำวัคซีนไปใช้ทั่วโลก ส่วนรางวัลด้านการแพทย์ ได้แก่ HumanGenome Project และมีคนมารับแทนคนเดียวคือ Eric Green รวมมีผู้บรรยาย ๓ คน
Eric Green, Director, NCGRI,NIH พูดเป็นคนแรก เรื่อง TheHuman Genome Project and Beyond : A Journey to AdvanceHuman Health บอกว่า คำว่า Genomicsเริ่มใช้โดยวารสารใหม่ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1987 ชื่อว่าวารสาร Genomics หลังจากนี้นสี่ปีจึงเกิดโครงการ Human Genome Project เพื่อหาลำดับเบสของดีเอ็นเอมนุษย์ทั้งจีโนม และค้นหายีน และใช้เวลา ๑๓ ปี งานนี้จึงเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ. 2003 คือเสร็จก่อนกำหนด ๒ ปี และมีการนำข้อมูลทั้งหมดไว้ใน publicdomain ให้ผู้คนค้นเอาไปใช้ประโยชน์ได้ฟรี ก่อความก้าวหน้าในศาสตร์ต่างๆ มากมายหลากหลายด้านรวมทั้งด้านพัฒนาการของการประยุกต์ใช้ทางสุขภาพของมนุษย์
พัฒนาการดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายในการทำ whole genomesequencing ลดลงหนึ่งล้านเท่า จากในช่วง HGP ใช้เงิน หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ เดี๋ยวนี้ใช้เงินเพียง ๑,๐๐๐ ดอลล่าร์ และกำลังลดลงไปอีก มีการทำ whole genome sequencing ของมนุษย์ไปแล้วหลายหมื่นคน เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจอย่างมากมายว่าจีโนมมนุษย์ทำหน้าที่อย่างไร เป็นต้นเหตุของโรคอย่างไร นำไปสู่การก่อตัวของการแพทย์ยุคใหม่ ที่เรียกว่า genomicmedicine หรือ precision/ individualized medicine ซึ่งหมายความว่า ในไม่ช้าผู้ป่วยไม่ว่าโรคใดจะมีข้อมูลลักษณะของจีโนมของเขาเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลผู้ป่วยสำหรับให้การบำบัดที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล
สาขาที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของGenomicmedicine คือ มะเร็ง, การใช้ยา, โรคพันธุกรรมหายาก, ชุดตรวจวินิจฉัยโรค, การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด, และโรคเรื้อรังที่มีปัจจัยจากสภาพแวดล้อมและลีลาชีวิต
การบรรยายเรื่องที่ ๒เป็นเรื่อง การพัฒนา Hib conjugate vaccine โดย Dr. RachelSchneerson ท่านอายุ๘๖ แล้ว แต่ท่าทางแข็งแรง เดินเหินลุกนั่งคล่องแคล่ว แต่บรรยายแบบสมัยโบราณ และพูดแบบให้นักวิชาการฟัง ผมจึงตามได้ไม่ถึง ๓๐% วัคซีนไข้สมองอักเสบจากเชื้อHaemophilus influenzae นี้ตัวแรกพัฒนาขึ้นจากเยื่อหุ้มตัวแบกทีเรียที่เป็นโมเลกุลน้ำตาลที่ต่อตัวกันเป็นสายยาว เรียกว่า polysaccharides เป็นวัคซีนที่ใช้ได้ดีในผู้ใหญ่และเด็กโต แต่ไม่ได้ผลในเด็กอายุต่ำกว่า ๒ ขวบ จึงมีการคิดวัคซีนที่มาจากการเอาโปรตีนเข้าไปต่อกับโมเลกุลของpolysaccharides จึงเรียกว่าpolysaccharides – protein conjugatevaccine เรียกย่อๆ ว่า conjugate vaccine
ผู้บรรยายที่ให้แรงบันดาลใจแก่ผู้ฟังมากที่สุดคือศาสตราจารย์MathuramSantoshamแห่งมหาวิทยาลัย จอห์นส ฮ็อปกิ้นส ผู้เป็นคนอินเดีย แต่เวลานี้เป็นพลเมืองสหรัฐ บรรยายเรื่อง From India to NativeLands : Lessons Learnt and Inspirations เล่าประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กที่ได้เห็นความยากจนและยากลำบากของผู้คนในอินเดีย และมีคนบอกเด็กชายมธุรามว่า “โตขึ้นเธอควรเป็นหมอจะได้ช่วยเหลือเด็กเหล่านี้” แต่เมื่อไปเรียนหนังสือที่อังกฤษครูบอกว่าอย่างเก่งก็เป็นได้แค่ช่าง แต่ก็มีครูผู้หญิงให้กำลังใจว่าต้องมีความมั่นใจในตนเอง และมานะพยายาม
ในที่สุดท่านก็ได้เป็นแพทย์และไปทำงานอยู่ในดินแดนชนเผ่านาวาโฮ และ อะปาเช่ ในอเมริกา ถึง ๓๖ ปี ดินแดนนี้อยู่รอยต่อของรัฐ ยูท่า อะริโซน่า และนิวเม็กซิโก ผมเคยไปเที่ยวเมื่อสามปีที่แล้ว และเล่าไว้ที่(๑)
โรคไข้สมองอักเสบ Hib ระบาดหนักในเด็กของชนเผ่าเหล่านี้ด้วย ทำให้ท่านสนใจ และนำไปสู่การนำวัคซีนไปใช้ จนในที่สุดได้เป็นหัวหน้าโครงการ HibInitiative และประสบความสำเร็จในการชักชวนให้ใช้วัคซีนนี้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
ข้อน่าเสียดายคือประเทศไทยยังไม่ได้ใช้ ผมสอบถามผู้รู้ว่าเกิดจากอะไร ได้ความว่าเพราะมีนักวิชาการในกระทรวงสาธารณสุขทบทวนเอกสารแล้วบอกว่าวัคซีนนี้ไม่ได้ผล เป็นตัวอย่างของความผิดพลาดทางนโยบายจากข้อมูลที่ผิดพลาด
วิจารณ์ พานิช
๒๙ ม.ค. ๖๑ เพิ่มเติม ๑๗ ก.พ. ๖๑
1 Eric Green
2 Rachel Schneerson
3 Mathuram Santoshamดีใจกับผู้รับรางวัลทั้งหมดนะคะ
ชอบหมออินเดียค่ะ