วันนี้ดิฉันได้ฟังเรื่องเล่าประสบการณ์การรักษาที่อาจารย์ภูมิใจในรายวิชาการให้เหตุผลทางคลินิก ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้ง4ท่านที่ได้มานำเสนอเล่าประสบการณ์ให้พวกเราฟังและยังให้เทคนิคและตอบคำถามข้อสงสัยต่างๆที่พวกเราข้องใจ บันทึกนี้จะเป็นการถอดบทเรียนจากเคสของอาจารย์เดียร์
ดิฉันขอใช้นามสมมติว่า คุณเอ อายุ 15 ปี รูปร่างอ้วน คุณเอเป็น Asperger's Syndrome และมีพฤติกรรมดังนี้ ไม่ส่งการบ้าน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในชั้นเรียน และมีปัญหาการรับรู้ การสัมผัส จะหงุดหงิดง่ายเมื่อมีคนพูดเสียงดัง อาจารย์เดียร์ ได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับคุณเอ โดยจะพบกัน 3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างความไว้ใจและมีการพูดคุยกับครอบครัวของคุณเอ คุณเอได้บอกอ.เดียร์ว่าอยากออกกำลังกาย อ.เดียร์ก็พาไปวิ่ง โดยอาจารย์ก็วิ่งด้วย มีไปชกมวยด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน (Therapeutic use of self) เพื่อสร้างสัมพันธภาพเมื่อคุณเอเริ่มไว้ใจเปิดใจคุณเอก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้อาจารย์ฟัง ปัญหาไม่ส่งการบ้านอาจารย์ก็ให้คุณเอทำตารางงาน ปัญหาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในชั้นเรียน พ่อแม่ของคุณเอก็แก้โดยให้เพื่อนๆคุณเอมาทำงานกลุ่มที่บ้าน เพื่อเพิ่มปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นและในครอบครัวของคุณเอ พ่อกับแม่ต่างความคาดหวังกับคุณเอมาก อาจารย์ก็ได้พูดคุยกับครอบครัวคุณเอให้ปรับลดความคาดหวัง และอาจารย์ได้ใช้ CBT (Cognitive behavioral therapy) เพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมของคุณเอ ต่อมาอาจารย์ก็เปลี่ยนเป็นพบกันแค่เดือนละครั้งเพื่อให้คุณเอรู้จักแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ปัจจุบันนี้คุณเอดูแลกิจการโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ถึงแม้คุณเอจะเรียนไม่จบม.ปลาย แต่คุณเอก็สามารถดูแลครอบครัวและธุรกิจของครอบครัวได้
ในเคสนี้ อาจารย์ได้ใช้ Model คือ MOHO เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นการมองไปที่ตัวผู้รับบริการ เจตจำนงของผู้รับบริการ มองเป็นองค์รวม
สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้จากเคสนี้ คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อที่เราจะสามารถไปถึงgoalของผู้รับบริการ และอาจารย์ได้มีการใช้ Narrative Clinical Reasoning ในช่วงที่ไปพบ พูดคุยกับทางครอบครัวของคุณเอ ฟังปัญหา ความคาดหวังของครอบครัว เพื่อจะได้พิจารณาแนวทางร่วมกัน
ไม่มีความเห็น