ผ่าฟันคุดทำให้ชีวิต Slow Life


    สิ่งที่ได้จากการผ่าฟันคุดไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แก้มบวมเท่านั้น ผู้เขียนได้มุมมองหนึ่งของการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิมในรอบหลายๆปี จะเรียกว่าการผ่าฟันคุดครั้งนี้ทำให้แุกคิดได้หลายๆอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความไม่เที่ยงของสังขาร ความใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเราเอง การตัดสินใจจัดการกับความเจ็บป่วยที่ต้องเด็ดขาดรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้ล่าช้าจนเสียหาย และอื่นๆอีกมากหากจะนำมาเป็นอุทธาหรณ์        แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะนำมาบันทึกก็คือ การใช้ชีวิตแบบช้าๆ ที่เป็นเทรนกันอยู่คือ Slow Life ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการทำอะไรเชื่องช้าแบบเกียจคร้านทำงานนะครับ แต่น่าจะหมายถึงการลำดับความสำคัญของชีวิต การไตร่ตรองในการดำเนินชีวิต การใช้ชีวิตแบบมีสติมากกว่า

    เริ่มจากการปวดแผลที่ทำให้ผู้เขียนทำอะไรได้ไม่เร็วเหมือนเดิม ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมา (เจ้าทอฟฟี่ปลุกให้ตื่น) ฟังเสียงนก ดูนาฬิกา แต่ไม่ได้ออกวิ่งด้วยความที่ยังปวดแผลอยู่  ค่อยๆเดินลงบันได แปรงฟันข้างขวาก่อนช้าๆ กลัวจะเผลอไปโดนแผลแม้จะอยู่ด้านซ้ายก็ตาม แล้วค่อยๆแปรงด้านบนซ้ายเบาๆไม่ให้โดนแผลด้านล่าง เรียกว่าแปรงฟันแบบระวังอย่างที่สุดและใช้สมาธิจดจ่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเพิ่งจะแปรงได้ในวันที่ 2 หลังผ่าเสร็จ

    สิ่งที่ทำให้เรียกว่า Slow Life อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การพูดคุย หลังเดินออกจากห้องทำฟัน ลิ้นคับปาก ปากชาไปข้าง พูดฟังเหมือนจะไม่รู้เรื่อง ตัวเองก็ฟังดูชอบกลเลยต้องตั้งสติ จึงค่อยๆพูด พูดให้คนอื่นฟังช้าๆแล้วดูว่าเขารู้เรื่องไหม พอมาทำงานพยายามพูดให้น้อยลง พูดครั้งเดียวให้เข้าใจไม่ต้องอธิบายมาก (จะได้ไม่เจ็บแผล) ก็เลยเป็นคนที่พูดน้อยลง พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์มีสาระและเข้าใจง่ายขึ้น

   เรื่องต่อมาการรับประทานอาหาร ด้วยความที่เจ็บแผลอยู่ จะอ้าปากมากก็เจ็บ จะเคี้ยวก็เคี้ยวได้ข้างเดียว เคี้ยวอาหารแข็งๆหยาบๆก็ลำบาก สามวันที่ผ่านมาจึงมีเพียงโจ๊ก ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ที่ไม่ต้องเคี้ยวมากเคี้ยวนาน ระหว่างเคี้ยวก็ต้องสำรวม กลัวเศษอาหารจะไปติดแผลอีกด้านหนึ่งซึ่งระวังยากมาก( มันมีต้องหลุดไปจนได้เพราะอยู่ในปากเดียวกัน) บางครั้งไม่ละเอียดพอก็ต้องกลืนเพราะเจ็บแผลเลยกลายเป็นว่าสำรวมในการกินไป บางครั้งกว่าจะหมดชามเพื่อนๆเขาไปไหนกันหมดแล้ว

   หลายเรื่องตั้งแต่เช้ายันเข้านอน เข้าใจว่าผู้เขียนเคลื่อนไหวร่างกายช้าลง ระมัดระวังมากขึ้น อาบน้ำล้างหน้าก็ต้องระวัง จะนอนก็ต้องเอียงข้างขวา หรือนอนหงายจะไม่เจ็บด้านแผล 

   เห็นมั๊ยครับว่า การผ่าฟันคุดครั้งนี้มันเปลี่ยนชีวิตให้ Slow Life ได้ อยู่ที่ว่าหลังหายเป็นปกติผู้เขียนจะหลงลืมความเจ็บปวด กลับไปใช้ชีวิตปกติธรรมดาที่รีบเร่งวุ่นวายอีกหรือไม่

   อย่าให้มีความเจ็บปวดใดๆมาเป็ยบททดสอบอีกก็แล้วกัน

........................

หมายเลขบันทึก: 644575เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2018 19:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2018 19:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สาธุ ๆ ๆ ๆ  คิดบวก  แถมได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บแผล  แต่สุขภาพใจปกติให้มากที่สุด  เพราะแนวคิดหลักในการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้บ่มเพาะมาด้วยหลักธรรมดีๆ หลายอย่างด้วยมังคะ

เดี๋ยวก็ผ่านไปนะคะ  ใจ คุณพ.เข้มแข็ง  สบายอยู่แล้ว  หนักกว่านี้ก็ผ่านมาได้

เอ !!! หรือผ่าฟันคุดหนักกว่า

เคยมีหลายครั้ง  คนไข้ผู้หญิงบอกว่าเจ็บกว่าคลอดลูกด้วยนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะพี่พิชัย หายปวดไวๆ นะคะ แม่มดก็มีฟันคุดอยู่หนึ่งซี่ แต่คุณหมอธิบอกว่ามีคนว่าปวดกว่าคลอดลูก. ก็เลยยังไม่กล้าไปหาหมอฟันเลยค่ะ. อยู่เป็นเพื่อนกันไปก่อนสักพัก

ขอบคุณคุณหมอ


ธิ

และ


แม่มด

ฟันคุดอย่าปล่อยไว้นานนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท