อาทิตย์ที่ผ่านมา...หนูรบเร้าพ่อ..หลังจากที่หนูไปทดสอบความถนัดทางคณิตศาสตร์ของสมาคมคณิตศาสตร์ แห่งประเทศไทย.. มา
..
หนูบอกกับพ่อว่า..."หนูอยากได้หนังสือเล่มหนึ่ง.. พ่อซื้อให้หนูนะคะ"
พ่อคิดในใจ...เฮ้อ!! ลูกสาว..ขยันจัง!!..คงอยากได้หนังสือเรียนเอาไว้ติวกับเพื่อนเป็นแน่แท้!!
พ่อยืนอมยิ้มอยู่ในใจ...มือขวาล้วงกระเป๋าตังค์ออกดู...แบงค์ร้อย...1, 2 ,3, 4, 5 เอาละ!! พอได้อยู่
..
พ่อขับรถพาหนูมากินข้าวเที่ยงที่นี่ "ห้างดังกลางเมือง" เพราะหลังกินข้าวแล้ว หนูยังมีภาระกิจที่ต้องทำอีกกับ ครูปัน.. ครูไพโรจน์
พ่อทำตามกระแสสังคม..เพราะพ่อรู้ว่า...กระแสสังคมเช่นนี้ มันซึมซับใส่พ่อ.. จนพ่อตั้งตัวไม่ติด
พ่อเคยปฏิเสธมันอยู่พักหนึ่งนะ...เพราะสมัยพ่อตัวเท่าหนูนั้น พ่อไม่เคยสัมผัสกลิ่นไอแบบนี้.. พ่อมุทะลุ..ดุดัน ด้วยตัวของพ่อเอง...การศึกษาสมัยพ่อ..มันสอนพ่อ.. ให้พ่อเจียมตัวมากกว่า..เจียมตัวเพราะเราไม่ใช่คนรวย...พ่อจะฝันเท่าที่พ่อมีกำลัง..... แต่พ่อก็ทำตามกำลังฝันของพ่อ...ได้อยู่นะ
..
..
ผิดกับลูกสองคนของพ่อ....พี่ชายของหนูก็อีกแบบหนึ่ง ส่วนตัวหนูก็อีกแบบหนึ่ง
วันนี้พ่อจะกล่าวถึง..เพียงแค่ตัวหนูนะ..
พ่อคิดย้อนไปเมื่อวัยเด็ก.. วัยที่หนูถูกปลูกฝังบางสิ่งบางอย่างลงไปที่ตัวหนู
พ่อคิดย้อนมาตรงนี้....มันผ่านไปร่วม 6 ปี แล้วละนะ..มันมองเหมือนไม่นาน สักเท่าไหร่?...แต่พ่อว่า..หากพ่อไม่นึกย้อนกลับไป
มันเหมือนกับว่า..พ่ออาจคิดเข้าข้างตัวเองว่า..หนูเก่งเหมือนพ่อ(ฮา) +แม่นิดหน่อย(ฮา)...
แต่หากพ่อมองย้อนกลับไป โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ ลูกทั้งสองคนของพ่อ เรียนที่นี่ พี่ชายของหนูเรียนในรูปแบบเดิมที่เหมือนโรงเรียนอนุบาลทั่วไป
แต่หนูนั้น..พ่อนึกออก.. หนูเรียนต่างไปจากพี่ชาย ของหนู
หากพ่อไม่อธิบาย ...หนูคงไม่เข้าใจ โรงเรียนอนุบาลโรงเรียนเดียวกัน แล้วมันต่างกันตรงไหนหรือคะ!!
..
..
พ่อจำได้..พี่ชายของหนูเรียนจบจากโรงเรียนนี้(อนุบาลเสาวลักษณ์ หมู่บ้านการเคหะสุราษฎร์ธานี)จบออกไป เกือบ 10 ปี พ่อถึงมีหนูมาเป็นลูกพ่อให้พ่อเลี้ยงอีกคน ...มีลูกสาวตอนแก่(ฮา)
พ่อพาหนูมาเรียนที่นี่เช่นกัน..แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป นั่นคือ ระบบการเรียนการสอนเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบของ "มอนเตสซอรี่"
พ่อกำลังคิดถึงหนู และคิดถึงการศึกษารูปแบบนี้ ที่ปลูกฝังอยู่ในตัวของหนู ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่หนูเรียนอยู่ที่นี่
พ่อจำได้ พ่อเคยเขียนเกี่ยวกับตัวหนูไว้ ความว่า
"พ่อสังเกตพฤติกรรมของลูกจากสิ่งที่ลูกทำ. ไม่ว่าการตักข้าวให้พ่อกิน : ลูกจะบรรจงตัก มีเทคนิคการทำให้ข้าวที่น่ากิน โดยอัดข้าวใส่ถ้วยให้แน่น และคว่ำข้าวลงบนจานข้าวที่ตั้งใจเสริฟ์ให้พ่ออย่างตั้งใจ กับข้าวภายในตู้ถูกยกออกมาวางตรงหน้า น้ำเย็นที่รินใส่แก้วด้วยฝีมือของตัวเอง รอยยิ้มที่ลูกเดินมาพร้อมกับน้ำแก้วนั้น.. พ่อมองเห็นมาแต่ไกล
พ่อรู้ว่า..ลูกทำตามความต้องการในส่วนลึกของจิตใจ.... สิ่งที่ลูกทำให้เห็น พ่อมองโดยสามัญสำนึกของพ่อเอง... หากไม่จับกรอบแนวคิดและจุดมุ่งหมายของระบบดังกล่าว พ่อว่า..ลูกทุกคนย่อมทำได้ ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นลูก มันเป็นกลไกทางจิต ที่แสดงออกมาให้เห็นด้วยคำพูด และ การกระทำ
แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อรู้สึกในตัวของระบบมอนเตสซอรี่นั่นคือ.. ความเป็นธรรมชาติจากตัวของเด็ก การแสดงออก อิสรภาพจากการเลือกโดยไม่บังคับ ทั้งคำพูดและการกระทำ
พ่อเคยพูดกับหนูเหมือนกันว่า.. “แล้วทำไมหนูถึงไม่ทำอย่างโน้น อย่างนี้ละ”
พ่อจำได้ว่า... หนูตอบกลับมาว่า “หนูจะทำอย่างที่หนูทำคะพ่อ”
วันนี้พ่อ....จึงเห็นอะไรบางอย่างจากระบบมอนเตสซอรี่ที่ลูกได้รับจากโรงเรียนข้อหนึ่งนั่นคือ… การสะท้อนศักยภาพความต้องการที่แท้จริงจากตัวของหนูงัยละ!!
..
วันนี้หนังสือนิยาย เล่มนี้ ที่พ่อซื้อให้หนูในวันนั้น.. จึงเป็นรางวัลตอบแทนลูกสาวของพ่อ ที่สอบทำคะแนนสูงสูดในวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นป.6
..
พ่อเชื่อว่า ..สิ่งที่หนูเลือกในวันนี้ ..หนูเลือกมัน..จากอิสรภาพทางความคิด ของหนู
และพ่อยังเชื่ออีกว่า...หนังสือที่หนูเลือกอ่านนั้น ...จะทำให้ลูกของพ่อ..รักหนังสือและรักการอ่านมากขึ้น
ศักยภาพทางความคิดและการกระทำแบบนี้แหละ...ที่พ่อเชื่อว่า..มันจะถูกบ่มเพาะในตัวหนู ให้ลูกสาวของพ่อนั้น.. เติบโตขึ้นมา และอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุข..สมศักดิ์ศรี....ที่ลูกนั้นได้เกิดมา..เป็นลูกพ่อ