ชีวิตของเราทั้งชีวิตนั้น..ไม่เคยมองเห็นหน้าของตัวเองเลยสักครั้งเดียว
อยากจะเห็นหน้าของตัวเองว่าเป็นเช่นไร?
ต้องมองลงไปในน้ำ..ให้เงาของน้ำ สะท้อนหา...จึงมองเห็น
ต้องมองเพ่งไปที่กระจก...ถึงได้รู้ว่า หน้าของเราเป็นเช่นไร?
..
วันนี้ เตรียมเอกสารเพื่อสอน สิ่งหนึ่งที่นึกถึง ขึ้นมา..นั่นคือ..การมองตัวเอง
แว๊ปความคิดนี้ก็เกิดขึ้นมาเดี๋ยวนั้น..เมื่ออยากเห็นตัวเอง ... จงให้ผู้อื่นมอง
ทำให้อดคิดถึง..บุคคลท่านนี้ไม่ได้...ท่านมองเรา อย่างที่เราเป็น และมากกว่าที่เราเป็น
จึงทำให้รู้ว่า..เส้นทางเดินชีวิตของเรานั้น.. เราจะทำอย่างไรและเดินอย่างไร? ...ต่อไป
ชีวิตนี้ ไม่เปลี่ยว ไม่เหงา เพราะชีวิตนี้ ที่เกิดมา. ได้พบกับกัลยณมิตร ที่หาได้ไม่ง่าย ..บนโลกเสมือน..ใบนี้
ด้วยความระลึกถึงท่านเสมอนะครับ ...อาจารย์ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
อันที่จริงเราต่างเป็นครูชีวิตให้กันและกันนะครับ ในภาษาศิลปะนั้น อย่างคุณแสงแห่งความดีเนี่ย อยู่ในช่วงที่ต้องจัดว่ากำลังมีพลังชีวิตน่ะครับ ในช่วงเวลาอย่างนี้เหมาะสำหรับการทำงานที่มีความสะท้อนและเชื่อมโยงกับความเป็นชีวิตจิตใจ มีพลังสร้างสรรค์และได้ความเป็นหนึ่งกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มากกว่าการใช้ความสามารถของสมอง เป็นงานแบบ Reflection เหมือนเป็นลายแทงชีวิตน่ะครับ เมื่อได้ย้อนกลับมาอ่านแต่ละครั้งก็จะเห็นอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นพลังชีวิตที่เหมือนไม่ใช่มาจากตัวเรา ช่วงเวลาอย่างนี้ หากได้ทำงานก็จะออกมาดี และเมื่อได้นั่งอยู่กับการทำงานเชิงความคิด ก็เหมือนกับมีกำลังสติพอที่จะเป็นครูของตนเองได้ครับ
โครงสร้างชีวิตของคุณแสงแห่งความดีที่กำลังเป็นอยู่ ณ เวลานี้ เมื่อบวกกับวิธีมองโลกที่ถือเอาการใช้ของจริงในชีวิตเป็นมรรควิถีแห่งการเรียนรู้และฝึกอบรมตน และรวมเข้ากับความสามารถของคนชั้นกลางรุ่นใหม่ของสังคมซึ่งมีการศึกษาสูง สามารถทำประสบการณ์ชีวิตให้เป็นวัตถุดิบในการคิด เขียน สร้างความรู้และสร้างงานวรรณกรรมสะท้อนชีวิต เหล่านี้ เป็นความเป็นตัวของตัวเองที่น่าบ่มเพาะครับ
เป็นคนชั้นกลางที่มีโครงสร้างชีวิตเชื่อมโยงถึงภาคการผลิตที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่การสร้างสังคมที่ใช้เครื่องมือและวิธีการทางความรู้ของคนชั้นกลางของสังคมไทยที่คนส่วนใหญ่จะยังขาดอยู่มาก เช่น การเข้าถึงพื้นที่สร้างความเคลื่อนไหวทางความรู้ การเข้าถึงสื่อและพื้นที่การสร้างสรรค์ทางปัญญา การเข้าถึงกลไกและองค์กรเพื่อสร้างความเป็นส่วนรวมสมัยใหม่ ซึ่งลักษณะของคนชั้นกลางอย่างนี้ ผมคิดว่ายังขาดแคลนและเป็นตัวแบบเชิงอุดมคติของคนชั้นกลางอันเป็นที่ต้องการมากของสังคมไทย
โดยทั่วไปนั้น คนชั้นกลางของสังคมไทย พอเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆจนเข้าสู่ขั้นมหาวิทยาลัยและเข้าไปเป็นกลุ่มสังคมนักวิชาชีพ เจ้าของกิจการ และชนชั้นนำในภาคต่างๆของสังคมนั้น ก็หลุดออกจากความเป็นจริงของสังคมและความเป็นสังคมการผลิต
งานความคิดและการสร้างความรู้เพื่อชี้นำความเป็นไปของสังคมก็จำเป็นต้องสร้างขึ้นจากความรู้ต่อความรู้และความคิดต่อความคิด คิดและนึกเอา ซึ่งบางทีก็อาจไม่ได้มาจากโลกความเป็นจริงเพราะประสบการณ์จากความรู้โดยมากนั้น เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ทางความคิดและผ่านประสบการณ์ของผู้อื่น เมื่อมองในแง่นี้ ก็จะเห็นบางสิ่งที่อยู่ในวิถีของคุณแสงแห่งความดีเหมือนอย่างที่มหาตมคานธีขอเรียนรู้สังคมและตนเองเสียใหม่หลังจบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และผ่านการใช้ชีวิตจากสังคมยุโรป คือ การตรวจสอบและทดลองกับความจริงแห่งชีวิต ดูออกจะเปรียบกับตัวอย่างที่ใหญ่โตไป แต่ไม่เกินความเป็นจริงน่ะครับ
ส่วนชาวบ้านและชุมชนการผลิตจริงๆทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการผลิตบริการสาขาต่างๆ ก็มักมีวิถีมุ่งสู่เป้าหมายทางวัตถุและสิ่งตอบแทนทางเงินตรา ขาดการเรียนรู้และทำประสบการณ์ให้เป็นทุนทางปัญญา สังคมจึงมักได้แรงงานและคนกินเงินเดือนที่มีความมั่งคั่งทางวัตถุแต่ขาดอุดมคติแห่งชีวิต เป็นวิถีชีวิตที่ขาดความลุ่มลึก ไม่มีกำลังวิจารณาณต่อสังคม และขาดความสำนึกต่อความเป็นส่วนรวมที่ใหญ่กว่าตัวเอง
หากเรียกอย่างเป็นอนุสติให้กับตัวเราเองก็คือ คนส่วนใหญ่เป็นไปตามกระแสหลักที่อยู่กันในสังคมด้วยชีวิตที่เปล่ากลวง งกเงิ่นหาเงินและแสวงหาตำแหน่งแห่งหนทางสังคมอย่างไร้ความหมาย
เลยก็สักแต่ผลิต ปฏิบัติ และดำเนินชีวิตไป แต่ขาดกำลังที่จะเรียนรู้ ยกระดับคุณภาพแห่งชีวิตและเปลี่ยนแปลงตนเองให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ๆของสังคมโลกอยู่เสมอ
สังคมของเราก็เลยมีชนชั้นกลางที่มีทักษะเพียงเป็นแรงงานชั้นดีของกิจการสมัยใหม่และมีความสามารถเพียงเอาตัวรอดได้ก็เก่งแล้ว ส่วนชุมชน เราก็มีความเป็นชุมชนและวิถีการรวมกลุ่มก้อนของปัจเจก ที่ทำหน้าที่ผลิตงกๆและดำรงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงตามยถากรรม ตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ
ทั้งสองด้านที่คนส่วนใหญ่ขาดนี้ มีอยู่ในคนจำนวนหนึ่งหลากหลายสาขาซึ่งสำหรับผมแล้วก็ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวเปลี่นแปลงใหม่ๆของสังคมน่ะครับ ผมเรียกไปก่อนว่าวิถีประชาศึกษา และกำลังมีอยู่ในการดำเนินชีวิตของคุณแสงแห่งความดีน่ะครับ พออ่านงานของคุณแสงแห่งความดีก็เลยได้อรรถรสและได้พลังแห่งชีวิตอย่างที่พยายามกล่าวมานี้เช่นกันครับ ทำ สังเกต ทบทวน และบันทึกถ่ายทอดสะสมไปทีละเล็กละน้อย นอกจากจะได้แบ่งปันกับคนอื่นและสื่อสารเรียนรู้ไปกับสังคมแล้ว ก็จะเป็นวิธีดำเนินชีวิตที่มีการพัฒนาวิถีความรู้ที่น่าสนใจมากเลยครับ เหมือนเป็นการวิจัยจากชีวิตจริงเลยทีเดียว
ชีวิตของผม ผมจะดำเนินชีวิต ในแบบที่ผมเป็น..วันหนึ่งข้างหน้า...ผมจะไม่เสียดายชีวิต.. ที่ล่วงลับไปกับกาลเวลาของผมเลยครับ
...ขอขอบคุณการมองชีวิตที่สร้างสรรค์และจรรโลงใจ.. ในแบบที่อาจารย์มอง....มากนะครับ..
ด้วยความรัก เคารพ และระลึกถึงเสมอ
แสงแห่งความดี
24 พย 60
ชื่นชมความ "เย็น" และ "นิ่ง" ของจิตใจคุณแสงฯ มากนะคะ