ดังนั้นยุทธศาสตร์เจรจาเปิดเสรีการดำเนินปัญหาความยากจนประเด็นการเข้าถึงยาและสาธารณสุขนั้น ต้องไม่ให้นำเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับยา และการให้บริการสาธารณสุขขึ้นมาเป็นวาระการเจรจาการค้าทวิภาคีเด็ดขาด เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ ไม่ยอมให้มีการยกประเด็น การสนับสนุนภาคเกษตรของสหรัฐฯ มาเป็นวาระการเจรจาด้วยเหตุผลว่าขณะนี้ประเทศไทยได้ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับยาตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว ถ้าต้องการเพิ่มการคุ้มครองเป็น TRIPS PLUS นั้นควรเป็นการเจรจาระดับพหุภาคี ทั้งนี้เพราะการมีสุขภาพดี เป็นสิทธิมนุษยชนสากล จึงจำเป็นต้องมีความรอบคอบในการกำหนดมาตรฐานที่เหมาะสมที่ไม่กระทบต่อการเข้าถึงยา และการแก้ไขปัญหาสาธารณสุข
ข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือทริปส์ ประกอบด้วยมาตรฐานขั้นต่ำในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเทศสมาชิกต้องดำเนินการออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในประเทศและการปฏิบัติในการบังคับใช้จะต้องเท่าเทียมกัน โดยอาศัยหลักการปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ หมายถึงไม่มีการกีดกันระหว่างบุคคลในชาติและบุคคลต่างชาติของประเทศสมาชิก รวมทั้งหลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง หมายถึงไม่มีการกีดกันระหว่างชนชาติใด ๆ ในประเทศสมาชิก
การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญานั้นเป็นการส่งเสริมให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ และตอบแทนผู้ประดิษฐ์คิดค้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งเชื่อกันว่าการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจและสังคมรวมในระยะยาว
ในส่วนของทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างมากคือยา และเวชภัณฑ์ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สิทธิบัตร ผลิตภัณฑ์ และสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตยา
ข้อตกลงเรียกร้องของสหรัฐฯ ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยา จะพบว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบประเทศกำลังพัฒนา นั่นคือเป็นข้อตกลงที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกและขัดต่อปฏิญญาโคฮา ว่าด้วยข้อตกลงทริปส์และการสาธารณสุข โดยมาตรการสำคัญที่สหรัฐเรียกร้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยาได้แก่ ให้มีการขยายการคุ้มครองสิทธิบัตรจาก 20 ปี เป็น 25 ปี จำกัดการใช้มาตรการยังคับสิทธิและจำกัดการนำเข้าซ้อน
ข้อเรียกร้องดังกล่าวส่งผลให้เกิดการผูกขาดยาวนานขึ้น นอกจากนี้การจำกัดการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิและมาตรการเข้าซ้อน นั้นเป็นการลดอำนาจอธิปไตยของรัฐ ในการส่งเสริมการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นการเจรจาต้องมุ่งเน้นการปกป้องและรักษาสิทธิของคนด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะคนเจ็บคนป่วย คนยากจน ต้องไม่ให้ช่องว่างทางสังคมขยายห่างไปมากกว่านี้ โดยที่จะไม่นำสิทธิของคนไทยในการเข้าถึงยาไปแลกกับสิ่งอื่น
ต่อไปก็จะพูดถึง บทเรียนการทำเอฟทีเอ กับสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาฝ่ายสหรัฐฯ จะยื่นข้อเสนอที่มุ่งเน้นแต่ประโยชน์ของฝ่ายตน แล้วระหว่างการเจรจาจะค่อยๆถอยซึ่งการถอยมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับอำนาจต่อรองของประเทศคู่เจรจา โดยส่วนใหญ่สหรัฐฯ จะใช้ตลาดสินค้าเกษตรของตนมาเป็นสิ่งล่อใจเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อบังคับด้านทรัพย์สินทางปัญญา การลงทุน และตลาดสนค้าบริการในประเทศเจรจาต่าง ๆ แม้กระทั่งกับออสเตรเลีย สหรัฐฯได้ใช้ตลาดน้ำตาล มาเป็นตัวล่อโดยการผลักดันจากบริษัทยาเอกชนของสหรัฐฯเอง ซึ่งในที่สุดสหรัฐฯก็ไม่ได้เปิดตลาดน้ำตาลให้ออสเตรเลียมากขึ้นแต่อย่างใด
สหรัฐฯ ไม่ได้เลิกให้ความสำคัญกับ WTO แล้วหันมาทำ FTA อย่างเดียวแต่สหรัฐฯ ใช้นโยบายการค้าในการเจาะตลาด และเข้าไปผูกขาด ปัจจัยการผลิตของประเทศต่าง ๆ ในทุกระดับ ทั้งพหุภาคี ทวิภาคี และระดับภูมิภาคไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองจะต้องมีความรอบคอบในการเจรจาอย่างยิ่ง การพยายามจบการเจรจาอย่างรวดเร็วเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาระยะสั้นอาจนำมาซึ่งผลเสียระยะยาวที่มีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วในประเทศต่าง ๆ
ต่อไปก็จะขอให้ความเห็นในเรื่องข้อเสนอแนะในการเจรจา การเจรจาและการจัดทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไม่ว่าจะต้องแก้กฎหมายภายในประเทศหรือไม่ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญในหลายประเทศรวมทั้งประเทศที่ทำเอฟทีเอกับไทยด้วย เรื่องเหล่านี้จะต้องผ่านรัฐสภาและเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ ตั้งแต่ก่อนเริ่มการเจรจาเสียด้วยซ้ำ
การไม่เปิดเผยรายละเอียดในการเจรจาทั้งที่ทำได้ และหลายประเทศก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่างทำให้สังคมและฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถสอบการทำงานของฝ่ายบริหารในประเด็นที่สำคัญนี้ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่สามารถประเมินได้ว่าการเจรจาทางการค้าแต่ละครั้งประสบความสำเร็จหรือไม่
ซึ่งโดยสรุปในกรณีที่จะมีการจัดทำเอฟทีเอขึ้นควรจะวิเคราะห์ถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการทำเขตการค้าเสรี หรือการเปิดเสรีในระดับอื่นๆ โดยพิจารณาทั้งผลทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม และควรจัดให้มีกลไกสำหรับประชาชนให้มีส่วนร่วมในการรับทราบข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยนั้นไม่เสียผลประโยชน์จากการทำเอฟทีเอ
ไม่มีความเห็น