ดร. ฤทัย หงส์สิริ อธิบดีศาลปกครองอุดรธานี บรรยายในงานสัมมนา จัดโดยสถาบันคลังสมอง เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ย้อนรอยคดีมหาวิทยาลัยในศาลปกครอง ว่าในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยถูกฟ้องในศาลปกครองมากขึ้น โดยช่วง ๕ ปีระหว่าง ๑ ก.ค. ๒๕๕๐ - ๓๐ มิ.ย.๒๕๕๕ เฉลี่ยปีละ ๑๙๘ คดี ช่วง ๕ ปี ระหว่าง ๑ ก.ค. ๒๕๕๕ - ๓๐ มิ.ย. ๒๕๖๐ เฉลี่ยปีละ ๒๗๘ คดี
ในช่วง ๑ ม.ค. ๒๕๕๖ - ๓๑ มี.ค. ๒๕๖๐ มีคดีที่มหาวิทยาลัยถูกฟ้องในศาลปกครอง ๑,๐๑๖ คดี ๕ มหาวิทยาลัยที่ถูกฟ้องมากที่สุดคือ (๑) มศว. ๑๐๐ คดี (๒) มรภ. บุรีรัมย์ ๕๘ (๓) มข. ๕๕ (๔) มรภ. เชียงใหม่ ๔๘ (๕) จุฬาฯ ๓๙
ดร. ฤทัย ระบุเงื่อนไขการฟ้อง ๗ ประเด็น ที่ใหม่สำหรับผมคือ จะฟ้องได้ต้องผ่านการขอให้แก้ไขความเดือดร้อน เสียหายครบขั้นตอนแล้ว (โดยหลักการคือ ศาลเป็นที่พึ่งสุดท้าย) รวมทั้งผู้จะฟ้องได้ ต้องเป็นผู้เสียหาย
ระหว่าง ๑ ก.ค. ๒๕๕๕ - ๓๐ มิ.ย. ๒๕๖๐ มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีมหาวิทยาลัยถูกฟ้อง ๒๒๑ เรื่อง เป็นคดีระหว่างมหาฯ กับบุคลากร ๘๑ เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นคดีด้านบริหารงานบุคคล ๖๕ เรื่อง (ซึ่งเป็นเรื่องการสรรหา/แต่งตั้งผู้บริหาร ๑๖ เรื่อง)
ระหว่างนั่งฟังเรื่องรองอธิการบดีฟ้องศาลปกครอง ที่อธิการบดีเปลี่ยนตัวรองอธิการบดีเป็นคนอื่น (ซึ่งรองอธิการบดีแพ้) ผมนึกถึงสำนึกผิดชอบภายในตนที่ผมเคยมี และหมั่นสั่งสอนตนเอง (ช่วงปี ๒๕๑๘ - ๒๕๒๑) ตอนทำหน้าที่รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่าผมทำหน้าที่เป็นทีมของท่านอธิการบดี ทำหน้าที่ตัดสินใจตามนโยบายการทำงานของอธิการบดี หากเรื่องใดผมไม่มั่นใจว่าอธิการบดีคิดอย่างไรผมจะเดินไปถาม และคอยหมั่นสอบถามท่านในเรื่องต่างๆ จนรู้ใจ และท่านก็รู้ใจผม ว่าเรื่องแบบใดที่ผมไม่สบายใจที่จะทำหรือตัดสินใจ
จะเห็นว่าการมีคดีมาก อาจสะท้อนความย่อหย่อนด้านคุณธรรมจริยธรรม หรือสำนึกภายในของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ที่ใหม่สำหรับผมคือเรื่อง ความรับผิดทางละเมิด ซึ่งเป็นไปตามความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งหากโดนตัดสินว่าผิด เจ้าหน้าที่อาจถูกมหาวิทยาลัยเรียกให้ใช้สินไหมทดแทน หากทำด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
คดีทุจริต อยู่ในประเภทละเมิดนี่แหละครับ ผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลย จนเกิดการทุจริต อาจต้องร่วมรับผิดชดเชย ซึ่งเรื่องนี้สมัยผมทำหน้าที่ผู้บริหาร ผมจะหาทางกำหนดกฎหรือขั้นตอนการทำงานที่ป้องกัน การทุจริต โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่ไม่มีการทุจริต แต่มีเป้าหมายสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สะอาด บริสุทธิ์ โปร่งใส เพื่อให้หน่วยงานหรือองค์กรทำหน้าที่จรรโลงความดีงามในสังคม และสร้างบุคลากรที่เป็นคนดีของสังคม ผมถือว่าหน่วยงานที่หละหลวมปล่อยให้เจ้าหน้าที่มีช่องทางทุจริต ผู้บริหารหน่วยงานมีส่วนทำร้ายผู้ร่วมงานที่เป็นผู้น้อย ในทางอ้อม ในความเชื่อของผม ผู้บริหารต้องทำหน้าที่เอื้อต่อการปลูกฝังความดีงามในผู้ร่วมงานทุกคน โดยการสร้างแบบแผนการทำงานที่เป็นระบบรอบคอบ ปิดช่องทางทุจริต ไม่ทราบว่าวิธีคิดของผมแบบนี้เป็นของ ประหลาดหรือเปล่า แต่มันช่วยให้ชีวิตของผมดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงปัจจุบันนี้
ฟังทั้งหมดแล้ว สิ่งพึงสังวรณ์ หรือป้องกันการฟ้อง คือการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กำหนดกำหนดไว้ ไม่ลัดขั้นตอน หรือละเลยขั้นตอน ซึ่งจะเปิดช่องให้มีการฟ้องร้อง
ดร. ฤทัย หงส์สิริ เคยเขียนหนังสือ ศาลปกครองกับคดีพิพาทเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ซึ่งดาวน์โหลดได้ที่ (๑)
วิจารณ์ พานิช
๖ ต.ค. ๖๐
ไม่มีความเห็น