ที่โรงเรียนมีสระน้ำใหญ่ ๒ สระ..ผมคิดที่จะจัดงาน “ลอยกระทง”แบบเรียบง่ายมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยจัดได้เสียที ปีนี้..ก็เช่นเดียวกัน..
ผมคิดว่า..โรงเรียนเป็นศูนย์กลางของชุมชน มีความพร้อมและผู้ปกครองก็สมัครสมานสามัคคี มาช่วยงานของโรงเรียนอยู่เสมอ แต่โรงเรียนยังไม่เคยจัดงานด้านศิลปวัฒนธรรมและความบันเทิง..ตอบแทนชุมชน..
ถ้าได้จัด ก็ไม่เห็นจะยุ่งยากอะไร มีดนตรีวงเล็กๆ การแสดงของนักเรียนและการร้องรำทำเพลงของชาวบ้าน..จากนั้น..ก็ลอยกระทงร่วมกัน สืบสานประเพณีอันดีงาม..
ทุกปี..ชุมชนบ้านหนองผือ จะเดินทางไปลอยกระทงในตลาด ระยะทาง ๓ กม. จัดโดยเทศบาลตำบลเลาขวัญ..ถ้าลอยกระทงใกล้บ้าน ก็ไม่ต้องเดินทาง ไม่สิ้นเปลือง..ได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ใกล้ชิดกับครอบครัวและเพื่อนบ้าน..จากนั้นก็เดินกลับบ้านท่ามกลางแสงจันทร์อย่างมีความสุข...
จริงๆ..ปีนี้..ผมวางแผนไว้เหมือนกัน..เรื่องจัดงานลอยกระทงในโรงเรียน ต่อเมื่อเข้าประชุมกับเทศบาลตำบลเลาขวัญ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐..เพื่อเตรียมงานฯ เทศบาลขอจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกสักครั้ง..เมื่อปีที่แล้วไม่ได้จัด..
เทศบาลบอกว่า..จะจัดแบบย้อนยุค มีถนนคนเดิน แต่งกายแบบไทยๆ มีการประกวดกระทง ประกวดขับร้องเพลงลูกทุ่ง และการแสดงของนักเรียน..
โรงเรียนในเขตเทศบาลฯ มีทั้งหมด ๓ โรงเรียน เทศบาลขอการแสดงโรงเรียนละ ๒ ชุด..ผมคิดทันที ณ เวลานั้นว่า..ผมเตรียมการแสดงไม่ทันแน่..เพราะเป็นช่วงปิดเทอม..
แต่ปัญหา..ไม่ได้อยู่ที่..ไม่มีชุดการแสดง..ความรู้สึกของผมไม่อยากร่วมกิจกรรมกับเทศบาล เพราะตั้งใจไว้ว่า..จะส่งชุดการแสดงนักเรียนเฉพาะงาน “งานวันแม่” กับ วันพ่อ..เท่านั้น..
หรือว่า..ผมตั้งใจจะจัดเองมากกว่า..แต่พอเข้าที่ประชุม..ผมกลับได้คิดอะไรบางอย่าง เป็นความคิด..ของการเป็น “ผู้ให้” จะใช้โอกาสนี้ล่ะ..ทำให้เกิดคุณค่าต่อตนเองและองค์กร...
ผมคิดถึง..ผู้นำของเทศบาล..พนักงานและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสมาชิกสภาเทศบาลทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา..เทศบาลดูแลช่วยเหลือและสนับสนุนโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่อง
บริหารจัดการงบประมาณอย่างตรงไปตรงมา และตรงเวลา..ทั้งโครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริม(นม) ช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อม ช่วยตัดหญ้าปีละหลายครั้ง และให้ครูและนักเรียน..มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ...
ล่าสุด..โรงเรียนมีโอกาสให้การต้อนรับ..คณะผู้แทนพระองค์ จากสำนักพระราชวัง วันนั้น..เทศบาลช่วยเตรียมงานทั้งหมด ทั้งสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ ทำให้งานสำเร็จเรียบร้อย..ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา..ผมไม่เคยลืมบุญคุณของเทศบาลเลย..
ผมตัดสินใจทันที..ก่อนที่จถึงงาน วันลอยกระทง ราว ๓ สัปดาห์..บอกลูกชายคนเล็ก ซึ่งเรียนที่ ม.เกษตรศาสตร์ ปี ๓ และอยู่ในชมรมศิลปวัฒนธรรม มีความสามารถพิเศษด้านการแสดงโขน โดยเล่นเป็นตัว หนุมาน…ผมถามลูกชายช่วยมาเล่น “จับนาง” ให้หน่อยได้ไหม..
พอลูกชายตกปากรับคำ..ผมก็ขอเพิ่มรายการอีก ๑ ชุด ขอเป็นชุดร่ายรำสนุกเร้าใจ ให้เพื่อนๆของลูกชายเป็นผู้แสดง..ลูกชายจัดชุด..ฟ้อนแพน ให้ผม มีผู้แสดง ๒ คน
รวมชุดการแสดง ๒ ชุด ผู้แสดงทั้งหมด ๔ คน..ผมประมาณการค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย ค่าตอบแทนผู้แสดง ค่าเช่าชุด ค่าอาหาร ค่าเดินทางและค่าที่พัก..ปรากฎว่าสูงกว่าค่าตอบแทนที่เทศบาลจะมอบให้โรงเรียน..แต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย..พร้อมที่จะตอบแทนคุณความดี..ที่เทศบาลมอบให้โรงเรียนของผม..
คืนวันลอยกระทง..สองทุ่มครึ่ง..ชุดการแสดง “จับนาง” จากนั้นก็คั่นรายการด้วยการประกวดการขับร้องเพลงลูกทุ่ง..สามทุ่มครึ่ง..การแสดงชุดที่ ๒ ของผม ชื่อ “ฟ้อนแพน” ก็ขึ้นสู่ด้านหน้าเวที..
จบการแสดงแต่ละชุด..เสียงปรบมือดังกึกก้อง ปลัดเทศบาลและเจ้าหน้าที่ ต่างชื่นชมยินดี ที่เห็นการแสดงแปลกใหม่บนเวทีที่จัดได้อย่างอลังการ..
ผมมีความสุขมาก..แต่ไม่รู้สึกอะไรกับคำชื่นชม สิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือ ได้ทำงานอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้ให้ความสุขแก่ชุมชนท้องถิ่น ไม่คำนึงถึงค่าตอบแทน และได้ใช้โอกาสนี้ ..สืบสานการแสดงศิลปวัฒนธรรมของไทย..ได้อนุรักษ์ ให้คงอยู่ต่อไป...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
-สวัสดีครับท่าน ผอ.
-เป็นกิจกรรมที่ดีและทำให้ชุมชนได้สัมผัสการแสดงอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ
-ขอบคุณครับ