ในระบบสังคม เราต่างมีความคาดหวังกันทั้งนั้น แต่เราก็จะจัดการความคาดหวังของตนเองได้ในระดับหนึ่ง ถ้าใครทำไม่ได้ก็อาจต้องฆ่าตัวตายไปแล้ว
ฉะนั้น คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็คือคนที่ยังจัดการความคาดหวังของตัวเองได้ ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาที่ทำให้เกิดทุกข์ได้อยู่พอสมควร แต่ใครที่ทำได้เกินความคาดหวังก็จะดูว่ามีความสุข (ทางโลกนะครับ)
ดังนั้นความคาดวังจึงเกี่ยวพันกับความทุกข์-สุข ของคนเราอย่างแยกกันไม่ออกทีเดียว
โดยเฉพาะถ้าความคาดหวังนั้น เป็นความคาดหวังของคนอื่นที่มีต่อเรา เราควรจะจัดการอย่างไร ที่จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง และยังยินดีให้เราทำงานอยู่
เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับ KPI ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ (จะว่าเป็นการส่วนตัวก็ว่าได้)
ตอนนี้ผมกำลังใช้วิธีบอกกล่าวกันตรงๆ ทั้งจากการประชุมและทางสื่อสารผ่านระบบข่าวสาร ไม่ทราบว่าจะได้ผลสักแคไหน แค่เพียงไม่อยากให้ใครคาดหวังกับใคร มากเกินความจริงและความเป็นไปได้ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำงานมานั่งปรับทุกข์กัน และทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกันทุกฝ่าย
เรียนดร. แสวง รวยสูงเนิน
ครูอ้อยอ่านบันทึกแล้ว รู้สึกว่า ต้องทำใจ ในสิ่งที่คาดหวังไว้ อาจจะเป็นเพราะครูอ้อยมีความตั้งใจสูง และคิดว่า คนอื่นก็คิดเหมือนเรา
แต่ที่แท้จริง คนเรามีความแตกต่างกันในทางปฏิบัติ แต่มีความอยากเหมือนกัน
ขอบคุณมากค่ะ
ครูอ้อยครับ
ผมก็ตั้งใจสูง แต่ก็ถูกกดดันรอบด้าน และคนที่กดดันมาก็ถูกกดดันมาเป็นชั้นๆ ไม่ต่ำกว่า ๔-๕ ชั้น
พอมาถึงเรามันก็เลยขยับตัวยากมาก
สงสัยต้องเสนอจัดตั้งสถาบันจัดการความคาดหวังแล้วกระมังครับ ผมจองตั้งให้ทันสมัยไปเลยว่า EMI -Expectation management Institute ที่ประกอบอยู่กับ KMI, IDI และ WDI ที่ผมเสนอไปแล้ว
ผมเข้าใจเองว่าทุกคนก็มีปัญหาการทำงานจากความค่ดหวังนี้ จนอาจเสี่ยงต่อการเกิดทุกข์ได้อย่างมาก