๙. ศึกษาเรียนรู้โครงการพระราชดำริ..เริ่มที่..โครงการชั่งหัวมัน...


นับเป็นก้าวใหม่ ในการตามรอยโครงการพระราชดำริ..ครั้งแรกของผม ที่สุดแสนประทับใจ..ได้แบบอย่างตามคำที่พ่อสอนไว้ ให้พสกนิกรของพระองค์..มีความเพียรพยายาม..และหมั่นช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลอื่นที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา ตลอดจนปลุกจิตสำนึกให้ผม มีความมุ่งมั่นที่จะตามรอยพ่อ..พออยู่..พอกิน..และพอเพียง...

        ผมเก็บความรู้สึกอยากได้ใคร่รู้มานานนับปี..คิดอยู่เสมอว่า จะเริ่มต้นศึกษาโครงการตามพระราชดำริเมื่อไหร่ดี..และจะเริ่มเดินทางตามรอย..การทรงงาน..ของพระองค์ท่านที่ไหนก่อน..ที่ไม่ไกลมากนัก..

        นอกจากไม่ไกลแล้ว..ยังจะต้องเป็นโครงการฯ..ที่ติดค้างอยู่ในหัวใจในระดับต้นๆ จะได้เพิ่มความอยากรู้อยากเห็น..การเดินทางจะได้ตื่นเต้นเร้าใจ..มีภาพและเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง..ผมตัดสินใจไปศึกษาโครงการ..ชั่งหัวมัน..เป็นอันดับแรก

        ผมใช้เวลาในวันหยุดสุดพิเศษ..ในวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าอยู่โรงเรียน..ก็จะวนเวียนในไร่นาสวนผสม ในแปลงเกษตรอินทรีย์ มีน้ำหมักชีวภาพเป็นตัวเร่งผลผลิต..แต่อาทิตย์นี้ต้องหยุดพักไว้ก่อน..ขอไปศึกษาเรียนรู้โครงการพระราชดำริ..ณ ที่ตั้ง..ตามที่ได้ใฝ่ฝัน...

        ผมออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ สู่จุดหมายปลายทางที่ จ.เพชรบุรี เลยออกไปจากตัวเมืองเพชรบุรี ไม่ไกลนัก..ก็ถึงโครงการฯ..คำว่า..ชั่งหัวมัน..อยู่ในป้ายใหญ่โตอลังการ รายล้อมด้วยขุนเขา ทอดยาวอย่างสวยงาม ..สัมผัสได้ถึงบรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายตายิ่งนัก

        ถ่ายรูปป้ายไว้เป็นที่ระลึก..นึกขึ้นมาได้ว่า..โครงการฯที่อยู่ตรงหน้า ได้มาถึงแล้วจริงๆ อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯเลย แต่ทำไมผมเพิ่งมา..แต่ถ้าไม่มาวันนี้..เสียดายตาย..แล้วทำไมในหลวงทรงตั้งชื่อว่า..”ชั่งหัวมัน” ชื่อนี้เหมือนมีนัย เวลาท้อแท้เหนื่อยล้า ผมก็เคยนึกถึงถ้อยคำนี้..เพื่อปรับความรู้สึกในชีวิตประจำวัน..ให้สมดุล...

        ในหลวง.รัชกาลที่ ๙..พระองค์ท่านใช้สิ่งใดในชุมชนท้องถิ่นเป็นสัญลักษณ์..ในการตั้งชื่อโครงการฯ..ซึ่งน่าสนใจและชวนให้ติดตาม ผมจึงเดินไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์..เพื่อขออนุญาตเข้าชม..รถที่จะนำผมชมพื้นที่โครงการเกษตรกว่า ๒๐๐ ไร่ จะออกเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมจึงมีเวลาได้ศึกษาเรื่องราวการอนุรักษ์ดิน..จากนิทรรศการบริเวณกองอำนวยการนั่นเอง...

        กว่าจะได้ขึ้นรถของโครงการฯ ผมก็อ่านแผ่นพับได้จนจบ..พบว่า..ที่ที่ผมนั่งอยู่คือ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเร็จ และสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน..

        โครงการนี้เกิดขึ้นโดยเริ่มเมื่อครั้งที่พระองค์ท่านประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล แล้วมีชาวบ้านนำมันเทศมาถวาย ช่วงนั้นพระองค์ต้องเสด็จกลับกรุงเทพฯ จึงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่นำหัวมันเทศนั้นไปวางไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน จากนั้นก็เสด็จกลับกรุงเทพฯ เวลาล่วงไปเป็นเดือน เมื่อเสด็จกลับมาหัวหิน ทรงพบว่ามันเทศนั้นได้แตกใบ เลยตรัสว่า ..”มัน..อยู่ที่ไหนก็ขึ้น”

        ดังนั้น จึงมีพระราชดำริให้จัดหาที่ดิน เพื่อทำโครงการด้านการเกษตร ในปี พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมพืชเศรษฐกิจนานาชนิด และเพื่อเป็นแนวทางพัฒนาที่ดินทำกินแก่เกษตรกรที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง...

        รถขับเคลื่อนอย่างช้าๆ พาผมชมไปจนทั่วโครงการ..อย่างเพลิดเพลิน ผมเห็นพระตำหนักทรงงานของพระองค์ท่าน เป็นบ้านไม้สองชั้นเรียบง่าย ทรงใช้พักผ่อนพระอิริยาบถเมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมโครงการ รวมทั้งรถที่ทรงใช้ทรงงานก็จอดอยู่ภายในบริเวณพระตำหนักด้วย...

        ผมสังเกตพื้นที่โดยรอบโครงการ จะตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีแปลงปลูกมะนาว แปลงอ้อย และก็ยังมีอีกหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะพร้าว มันเทศ ส่วนพืชผักต่างๆ ก็มีอาทิ แก้วมังกร ชมพู่เพชร กล้วย ฟักทอง กะเพรา โหระพา พริก ฯลฯ

        มีแปลงปลูกข้าว ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว ปลูกยางพารา โดยทั้งหมดนี้จะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากต้องใช้ก็ต้องมีในปริมาณที่น้อยที่สุด มีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดไว้ให้คนที่แวะมาได้เยี่ยมชมด้วย...

        ก่อนกลับ..ผมแวะเข้าไปในร้านซึ่งขายผลิตภัณฑ์ของโครงการ เพื่อหาซื้อเครื่องดื่มสมุนไพร จากนั้นก็ซื้อเมล็ดพืชผักสวนครัว เลือกซื้อมาได้ ๔ ซอง ๔ อย่าง ที่น่าสนใจก็คือ..คนขายบอกว่า..ไม่ได้ตัดต่อพันธุกรรม คือปลูกได้หลายๆครั้ง..โดยเก็บเมล็ดไว้เพาะใหม่ได้...

       นับเป็นก้าวใหม่ ในการตามรอยโครงการพระราชดำริ..ครั้งแรกของผม ที่สุดแสนประทับใจ..ได้แบบอย่างตามคำที่พ่อสอนไว้ ให้พสกนิกรของพระองค์..มีความเพียรพยายาม..และหมั่นช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลอื่นที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา ตลอดจนปลุกจิตสำนึกให้ผม มีความมุ่งมั่นที่จะตามรอยพ่อ..พออยู่..พอกิน..และพอเพียง...

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๐  กันยายน  ๒๕๖๐

  












หมายเลขบันทึก: 637497เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2017 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2018 10:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คุณมะเดื่อไปที่นี่มาหลายครั้งแล้วจ้ะ

ทั้งไปแบบครอบครัว

แบบพาเพื่อน  ( อ.ขจิต /ลูงวอญ่า)ทัวร์

ตามสามเณรฤดูร้อนทัวร์และ

พานักเรียนมาทัศนศึกษา

ประทับใจทุกครั้งที่มา

และอีกที่หนึ่งซึ่งประทับใจในพระอัจฉริยภาพ

ของพ่อหลวง ก็คือ  " โครงการแหลมผักเบี้ย"

ไปมา ๒  ครั้งแล้ว  เห็นแล้ว..อยากให้พ่อหลวง

มีพระชนมายุต่อไปอีกสักร้อยสองร้อยปีจ่้ะ

ในภาพอาจจะมี เมฆ, ท้องฟ้า, ต้นพืช, ต้นไม้, พื้นหญ้า, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ

ในภาพอาจจะมี เมฆ, ท้องฟ้า, ต้นไม้, สถานที่กลางแจ้ง, ธรรมชาติ และ น้ำ

( ภาพมุมหนึ่งของโครงการตามพระราชดำริแหลมผักเบี้ย)

-สวัสดีครับท่าน ผอ.

-เป็นโครงการที่ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมชมครับ

-เอาไว้ต้องหาเวลาไปเยี่ยมชมและเรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านไร่ของผมด้วยครับ

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท