ปฏิบัติธรรมที่ไหนดี


เมื่อต้องผ่านอุปสรรคปัญหา ความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย ความไม่สบายใจ คับข้องใจตามธรรมดาของชีวิตมนุษย์โลก จึงตระหนักรู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แกร่งกล้า ถึงเวลาหนึ่งเราจะขวนขวายกลับไปหาสถานที่สักแห่งเพื่อไปฝึกจิตดูเวทนาทางกายอีกครั้ง

การปฏิบัติธรรมในปัจจุบันเป็นเรื่องทันสมัยที่มักมีการพูดถึงบ่อย ๆ  สำหรับผู้เขียน การปฏิบัติธรรมเป็นการฝึกจิตตนเองให้ขาวรอบ ใสสะอาดบริสุทธิ์ ในความเป็นจริงชีวิตประจำวัน ทำได้ยาก ถูกกิเลสลากไปมาอยู่เสมอ หลายครั้ง รู้ขณะนั้นว่าเรากำลังโกรธ รู้ว่ากำลังโลภ รู้ว่ากำลังหลง บางครั้งก็ละได้ แต่ก็มีบางครั้ง มารู้ตัวก็ตอนยืนเผชิญหน้ากับคู่กรณีเสียแล้ว... นี่คือโดนกิเลสลากไป  และในบางครั้ง ก็ตั้งใจปล่อยตามกิเลส เพื่ออาศัยยืมมือจัดการผู้อื่น เขาจะได้ไม่มายุ่งกับเราอีก... สุดท้าย เราก็ต้องชำระล้างจิตใจ กลับไปนับหนึ่งใหม่อีก... นึกย้อนประสบการณ์การปฏิบัติธรรมครั้งแรก

ผู้เขียนปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 16 ปี  คุณพ่อเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนและจัดให้มีหลักสูตรปฏิบัติธรรมสำหรับนักเรียน โดยโรงเรียนจัดร่วมกับวัด ผู้เขียนต้องไปอยู่ที่วัดเป็นเวลา 7 วัน นอนอยู่ในกระโจมลานวัดใกล้ป่าช้า ปิดวาจา ซักเสื้อผ้าเอง ตื่นตีสี่มานั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์ทำวัดรเช้า เดิน นั่ง นอน อยู่กับตัวเอง ฟังเสียงสุนัขหอนตอนกลางคืน ... ตามประสาวัยรุ่น ผู้เขียนเห็นว่าเป็นการเข้าค่ายที่ผู้ปกครองตั้งใจจะฝึกความอดทน และให้บุตรหลานรู้จักช่วยเหลือตัวเอง  ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง การนั่งสมาธินิ่ง ๆ ก็เหมือนเป็นการฝึกลิงให้อยู่กับที่ กักไว้อยู่ชั่วคราว ถึงเวลาปลดปล่อยก็ลอยละล่องซุกซนเหมือนเดิม 

ตอนนั้น เราถูกบังคับให้ทำ อาจจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสำหรับเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่รักความสบาย แต่เวลาผ่านไป เมื่อต้องผ่านอุปสรรคปัญหา ความทุกข์ยาก ความเจ็บป่วย ความไม่สบายใจ คับข้องใจตามธรรมดาของชีวิตมนุษย์โลก จึงตระหนักรู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แกร่งกล้า ถึงเวลาหนึ่งเราจะขวนขวายกลับไปหาสถานที่สักแห่งเพื่อไปฝึกจิตดูเวทนาทางกายอีกครั้ง หรืออีกหลาย ๆ ครั้ง เมื่อรู้สึกว่าภูมิคุ้มกันลดลง  การที่พ่อแม่พาลูก ๆ หรือญาติสนิทชักชวนพ่อแม่ พี่น้องหรือหลาน ๆ ไปปฏิบัติธรรม ครั้งแรกของแต่ละคน อาจเป็นการบังคับ หรือฝืนใจผู้มาใหม่ แต่พอนานวันไป ประสบการณ์ครั้งแรก จะหวนกลับมาในความทรงจำของเขาและเธอเมื่อต้องประสบวิบากกรรม ความทุกข์ยิ่งใหญ่ทนได้ยากที่เข้ามาเยือน  

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติธรรมบ่อยครั้ง จนถึงจุดหนึ่งจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยู่ที่ไหนก็ปฏิบัติธรรมได้  ซึ่งก็จริงอยู่ แต่หากว่าคลุกกับกิเลสจนเอาไม่อยู่ ตะลุมบอนกันจนสะบักสะบอม จิตอ่อนแอลง หรือที่เรียกว่า "จิตตก" การไปฝึกตนเป็นหมู่คณะ พบกัลยาณมิตร ครูบาพระอาจารย์ชี้ทางสว่างบ้าง ก็จะเป็นการเหนี่ยวนำเราไม่ให้หลงทางเนิ่นนานเกินไปจนกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวไม่ทันการ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 30 กว่าปีแล้ว ผู้เขียนไปปฏิบัติธรรมมาหลายแห่ง และส่วนใหญ่จะเป็นที่วัด ล่าสุดเมื่อวันที่ 10-14 สิงหาคม 2560 ผู้เขียนไปปฏิบัติธรรมที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา  ... ที่นี่ไม่ใช่วัด แต่ก็เหมือนวัดตรงที่มีพระสงฆ์เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยของพระสงฆ์ มีพระอาจารย์สอนทั้งปริยัติและปฏิบัติ

ผู้เขียนเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก และเห็นว่าเหมาะสมกับผู้ปฏิบัติธรรมมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่สะดวกจะไปปฏิบัติธรรมที่วัด  ที่นี่ พระอาจารย์ท่านมาสอนโยคีโดยเฉพาะ เวลาที่ท่านจัดสรรให้ เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์การปฏิบัติแก่โยคี  เปิดโอกาสให้โยคีสอบถาม มีช่วงเวลาสอบอารมณ์ในห้องสอบอารมณ์ที่แยกต่างหากจากห้องโถงปฏิบัติธรรม

ท่านจะสอนหลักการปฏิบัติธรรมขั้นพื้นฐาน แม้หลายคนจะผ่านการฟังมาแล้ว แต่การฟังซ้ำและน้อมเข้ามาในใจก็เป็นการปฏิบัติธรรมในขณะนั้นด้วยเช่นกัน เวลาส่วนใหญ่ จะให้โยคีปฏิบัติด้วยตนเอง และติดขัด ไม่เข้าใจตรงไหนก็ไปสอบถามเป็นการส่วนตัว หรือเข้าห้องสอบอารมณ์ก็ได้ เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่นที่กำลังปฏิบัติธรรมอยู่

หากกำลังหาสถานที่ปฏิบัติธรรม เพื่อขัดเกลากิเลส ดูจิตดูกายตนเอง ที่นี่เป็นทางเลือกหนึ่ง บันทึกต่อไปจะแนะนำเกี่ยวกับการกินอยู่นอน และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ซึ่งมักเป็นคำถามในใจของผู้ปฏิบัติธรรมมือใหม่ หรือมือเก่าที่กำลังหาที่ใหม่เพื่อพัฒนาจิตตน คน-ธรรม-งาน ให้งานได้ผล ใจตนเป็นสุข ไม่ควรละเลยการให้อาหารจิตเพื่อความเจริญงอกงามไม่โรยราตามชราภาพ ... อยู่กับคนอื่นมานานแล้ว ลองอยู่กับตัวเองคนเดียวดูบ้าง แล้วจะเห็นศัตรูตัวจริงของเราว่าคือใครหรือคืออะไรกันแน่

สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม หรือเคยมาบ้างแล้ว แต่เห็นคนที่ผ่านการปฏิบัติไม่เป็นในแบบที่เราคาดหวังไว้ ทำให้มองเรื่องการปฏิบัติธรรมไม่ได้ช่วยอะไรได้จริง ตรงนี้ ขออย่าได้โทษแนวทางหรือวิธีปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนาเลย เรื่องนี้อยู่ที่คนล้วนๆ กิเลสมนุษย์หนามาก ฝึกแล้วก็อาจจะดีชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผ่านไปเนิ่นนานไม่หมั่นเพียรขัดเกลากิเลสให้เบาบาง ก็กลับมาเหมือนเดิม หรือแย่ลง ถ้าหากว่าเป็นการเอาหินทับหญ้าไว้ หรือทำดีเพราะอยากอวดความดี...หากใฝ่ดีจริง ขอเพียงมีตปะ ขันติ วิริยะ ศรัทธา ถือศีลไว้ ชีวิตก็สงบสุขเป็นปกติ โลกไม่ปกติก็เรื่องของโลก เท่านั้นเอง จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมทนทุกข์ได้ไม่ยาก สุขเย็นเป็นปกติเพียงแค่กระพริบตา

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่สนใจการปฏิบัติธรรม

แนะนำเว็บไซต์เพื่อเข้าไปสมัครปฏิบัติธรรม  https://www.vipassanathai.org/

หมายเลขบันทึก: 633482เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2017 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 สิงหาคม 2017 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เจอกันที่นี่อีกแล้วนะคะ คุณแสงแห่งความดี ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ .99 

ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มที่มีองศา ต้องตะแคงสายตาดูเล็กน้อยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ .99 

ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มที่มีองศา ต้องตะแคงสายตาดูเล็กน้อยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท