วันที่ 4 สิงหาคม 2560 ผมได้รับสายจาก อ.บัญชา พระพล ผอ.สำนักวัฒนธรรม มข. ในช่วงบ่าย เพื่อมอบหมายว่าช่วงย็นของวัน ประมาณ 18.00 น. จะมีพิธีเปิดงาน “สืบค้นเมืองเก่า บ้านเราศรีฐาน” ของเทศบาลนครขอนแก่น ที่วัดจอมศรี ชุมชนบ้านศรีฐาน เทศบาลนครขอนแก่น... และสำนักวัฒนธรรม มข. ก็เข้าไปช่วยเป็นภาคีจัดตกแต่งสถานที่ด้วยแล้ว หัวค่ำวันที่ 3 สิงหาคม ผมขับรถเข้าแวะไปดูสถานที่แล้วรอบหนึ่ง เพราะทราบว่าพี่ๆเจ้าหน้าที่ของสำนักฯ ไปช่วยตกแต่ง เลยแว๊บไป ก็เห็นแต่สถานที่ต่างๆที่ถูกตระเตรียมไว้ ในความมืดของลานวัด...เสียง ผอ. ต้นสายแจ้งว่า น่าจะกลับจากกรุงเทพไม่ทัน เกรงเที่ยวบินจะล่าช้า ให้ผมไปรอที่ข้างเวที ถ้าหากไม่ทันการณ์ ก็ให้ผมขึ้นเสวนาร่วมกับท่านอื่นๆ บนเวทีในประเด็นการสนับสนุนการพัฒนาชุมชนศรีฐานร่วมกับเทศบาล... ผมก็ตกปากรับคำแต่โดยดี เพราะเหลือตัวช่วยตัวสุดท้าย เพราะรอง ผอ. ท่านอื่นๆก็ไปราชการที่ต่างจังหวัด (กรุงเทพฯ) ในหัวก็คิดไปเรื่อยว่าจะพูดประเด็นไหนในฐานะผู้แทนของมหาวิทยาลัย อีกอย่างกำลังติดพันกับภารกิจทางทหาร ของนักศึกษาวิชาทหาร ทั้งยังสวมชุดเครื่องแบบผู้กำกับฯ อยู่ เอ้า เดี๋ยวคงขอตัวไปผัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทหารให้กลายเป็นชุดสามัญชนคนพื้นเมืองสักหน่อย ก่อนค่อยไปพบปะพี่น้องชุมชนศรีฐาน บ้านเฮา
ศรีฐาน เป็นชุมชนเก่าที่มีพื้นที่ติดกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นทางด้านใต้ มีถนนมะลิวัลย์คั่นกลาง เรามีบึงที่น่าจะเคยเป็นบึงเดียวกันในอดีต ก่อนจะตัดถนนพาดผ่าน บึงฝั่งเหนือในพื้นที่มหาวิทยาลัยเรียก “สีฐาน” ส่วนด้านใต้ติดชุมชนเรียก “ศรีฐาน”
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เกิดจากโครงการ Spark U โดย สสส. ร่วมกับเทศบาลนครขอนแก่น และภาคีร่วม เพื่อการพัฒนาชุมชนอันเป็นฐานรากที่สำคัญในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ผมยังไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้มากนัก จึงมิอาจนำเสนอเกี่ยวกับ Spark U แต่พอทราบเรื่องของการพัฒนาชุมชนศรีฐาน ว่าได้ขับเคลื่อนมาสักระยะของหลายภาคส่วนเข้าไปช่วยเหลือเทศบาลฯ ในการสืบค้น เรียนรู้ ฟื้นฟู แล้วต่อยอด ประวัติของชุมชน ผ่านบันทึก หลักฐาน ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีลมหายใจ...และทราบความเคล่อนไหวผ่านโลกออนไลน์อยู่เป็นนิจ
การจะพัฒนาชุมชนศรีฐาน เพื่อให้สามารถดึงเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและประวัติของชุมชนมาชูโรง แล้วนำไปสู่การพัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่นที่เคยช่วยกันฟื้นฟูและพัฒนาบ้านสาวะถี และชุมชนท่าพระขอนแก่น ให้กลับมามีสีสัน และมีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่ต้นแบบของการเรียนรู้รากเหง้า เคล้ากับวิถีใหม่ได้อย่างลงตัว เพื่อให้ทั้งเรื่องเก่าและใหม่สามารถร่วมสมัยกันได้อย่างลงตัว โดยเน้นวิถีเก่า เคล้าวิถีใหม่... จึงคิดถึงคำพูดของ รศ.ดร.นิยม วงษ์พงศ์คำ ที่ว่า “ไม่ลืมของเก่า ไม่เมาของใหม่”
สีฐานมีคุณค่าอยู่มาก มีโบราณวัตถุที่มีอายุประมาณ 2,200 ปี มีเนินดินสูงกลางชุมชนอันเป็นที่ตั้งของวัดจอมศรี ที่เกิดจากดินตะกอนลมหอบ กลายเป็นเนินดินสูง 6-7 เมตร มีอหารหลากหลายที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนศรีฐาน มีการแสดง/การละเล่น พิธีกรรมตามฮีตคองที่สืบต่อกันมา วันนี้ความเป็นเมืองคืบคลานมาใกล้ระยะประชิด แม้ฐานที่มั่นทางวัฒนธรรมอย่างวัดจอมศรี หากมองจากประตูโขงหน้าวัด เพียง 200 เมตร ก็จะเห็นห้างสรรพสินค้าอันโอ่อ่าอย่างเซ็นทรัลขอนแก่น พร้อมอาคารคอนโดสูงสามสิบกว่าชั้นเรียงรายเด่นชัด มีโรงพยาบาเอกชนตั้งตระหง่านเพียง 100 ร้อยเมตร การคืบคลานมาของวัตถุนิยม ความเจริญรุดหน้าของวัตถุแห่งยุคสมัยกำลังมาใกล้ประชิด แต่วิถีชุมชนยังมีอยู่ การเริ่มสร้าความตระหนักรู้ให้คนในชุมชนได้เรียนรู้ สืบสาน และส่งต่อ จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีงามว่าความเป็นชุมชนที่มีวิถีมีขนบสืบทอดมาจะอยู่ร่วมกับเมืองของความเป็นมหานครอย่างไรในอนาคตอันใกล้ หลังนายกเทศมนตรีนครขอนแก่นกล่าวเปิดงาน และเยี่ยมชมซุ้ต่างๆ บนเวทีมีการเสวนาจากนักปกครอง นักการเมือง ผู้นำชุมชน นักวิชาการ สื่อ เยาวชน และคนในชุมชน
พี่หน่อย สุมาลี สุวรรณกร ผู้ดำเนินรายการส่งคำถามให้ผมว่า “ในฐานะสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะมีบทบาทส่งเสริมหรือหนุนเสริมการพัฒนาชุมชนศรีฐานอย่างไร” ผมตั้งธงคำตอบอยู่สองสามอย่าง หนึ่ง เรามีนักวิชาการที่หลากหลายด้านไม่เฉพาะนักวัฒนธรรมหรือนักสังคม เพราะฉะนั้นการขอให้นักวิชาการไปร่วมพัฒนาคงทำได้ไม่ยาก สำนักวัฒนธรรม มข. ยินดีประสาน สองเรามีองค์ความรู้จากการที่อาจารย์และนักศึกษาได้เคยไปช่วยชุมชนอย่างสาวะถีหรือท่าพระจนสำเร็จมาระดับหนึ่งแล้ว องค์ความรู้นี้คงช่วยเป็นฐานในการพัฒนาศรีฐานได้ดี สาม เรามีนักศึกษาที่จะเป็นกำลังในการช่วยและเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ศรีฐานฝั่งใต้กับสีฐานฝั่งเหนือแม้จะมีถนนกั้นไว้เป็นอาณาเขต แต่อย่าให้กั้นใจของพวกเราที่จะร่วมกันพัฒนา “ศรีฐาน บ้านเฮา”
ขอให้ศรีฐานพัฒนาไปบนฐานของการร่วมสมัย เพราะความท้าทายอย่างความเป็นมหานครของขอนแก่นจะก้าวกระโดด แต่ชุมชนศรีฐานก็จะยังมีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน นั่นคงเป็นเป้าหมาร่วมกันของทุกฝ่าย คนในชุมชนเองต่างหากจะเป็นผู้กำหนด นักวิชาการหรือภาคีเครือข่ายเป็นเพียงผู้หนุนเสริมให้เกิดความสำเร็จ เพราะต้องปลุกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน... ขอให้ก้าวนี้ เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวที่จะก้าวไปข้างหน้าร่วมกันของฐานที่มั่นทางจิตวิญญาณของพวกเรา “ศรีฐาน บ้านเรา”
ณ มอดินแดง
5 สิงหาคม 2560
ไม่มีความเห็น