หลังจากการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับความมุ่งหมายของโครงการเด็กดีมีที่เรียน มมส. และแนวทางการเรียนรู้ ปศพพ. และน้อมนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต คุณภาณุพงศ์ (พี่อุ้ม) ยังได้เชิญ นางสาวสัจจาพร พิลึก นิสิตทุนเศรษฐกิจพอเพียง ของมูลนิธิยุวสถิรคุณ และประธานรุ่นของสาขาการบัญชีและการตลาด มาเล่าประสบการณ์การน้อมนำ ปศพพ. ไปใช้ในการดำเนินชีวิตนิสิต
พี่พิมบอกว่า พ่อแม่ของเรามักคาดหวังให้เราตั้งใจเรียน เรียนให้สูงที่สุด เรียนจบได้ใบปริญญาในสาขาที่มีหน้ามีตา มีเกียรติในสังคม ได้รับราชการเป็นเจ้าคนนายคน หรือสาขาที่ทำรายได้มาก ๆ หลายคนจึงอาจจะมาเรียนเพื่อพ่อแม่ แม้กระนั้นทุกคนต้องมีสิ่งที่คาดหวังของตนเอง ต้องมีเป้าหมายในชีวิตของตนเอง เพราะคนที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนจะประสบความสำเร็จมากกว่า หากคนเราไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่ามาเรียนเพื่ออะไร ชีวิตก็มักจะเรื่อยเปื่อย เที่ยวบ้างเรียนบ้าง แต่ถ้าเราชัดเจนในเป้าหมายชีวิตของตน จะทำให้รู้ว่าเราควรจะแบ่งเวลาอย่างไร อยากให้ดูคลิปด้านล่าง
มีเว็บไซต์ที่เขียนเรื่องราวในคลิปนี้ออกมาประกอบภาพวาดอย่างละเอียด อ่านได้ที่นี่ ชมรมต้นกล้าพันธุ์น่าจะเอาวิธีนี้ไปใช้เป็นกิจกรรมหนึ่งในการการสอนน้อง ๆ นะครับ
ผลการสืบค้น ผมพบอีกคลิปหนึ่งที่สะท้อนวิธีคิดในการวางแผนชีวิตได้ชัดขึ้น
สาระสำคัญคือ เราต้องวางแผนชีวิตและเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ที่จะผ่านมาในชีวิต โดยแย่งสิ่งต่าง ๆ เป็น ๓ ส่วน ได้แก่
ถ้าลูกก๊อฟเปรียบเหมือนเรื่องใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ กอดกรวดเล็ก ๆ แทนเรื่องเล็ก ๆ ส่วนเรื่องใดที่พาใจหลงเพลิดเพลินไปวัน ๆ ที่เป็นเรื่องไม่สำคัญ แทนด้วยทราย และชีวิตของเราเทียบกับขวดโหลดเปล่า คำถามสำคัญคือ เราจะจัดการบริหารชีวิตของเราอย่างไร ให้เรื่องใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ บรรลุผลทุกเรื่อง หรือก็คือประสบผลสำเร็จในชีวิต
เฉลยคือ ต้องใส่ลูกก๊อฟก่อน ตามด้วยก้อนกรวด และสุดท้ายคือใส่ทราย เม็ดทรายจะกระจายไปอยู่ทั่วทั้งขวด นั่นคือการเที่ยวเล่น ผักผ่อน สังสรรค์ ไม่ใช่ห้ามไม่ไห้ทำเลย แต่ทำได้ในเวลาและปริมาณที่เหมาะสม
ที่มาของภาพ https://balancedaction.me/2012/10/17/the-jar-of-li...
สำหรับการน้อมนำ ปศพพ. ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน พี่พิมแนะนำให้ตั้งคำถาม ๒ คำถาม สำคัญก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ได้แก่
หากผ่าน ๒ คำถามนี้ ก็ให้ตัดสินใจทำได้เลย นี่คือกระบวนการขับเคลื่อน ปศพพ. ของโรงเรียนสัตยาไส ที่พี่พิมเรียนมาตอนสมัยมัธยมนั่นเอง (ผมเคยเขียนสรุปไว้ที่นี่) หลักการแห่งความดีแสดงได้ด้วยภาพด้านล่าง
ผลงานของพี่พิมและทีมจากคณะบัญชีและการจัดการ เรื่อง "ธนาคารควาย" สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้จริง เพียง ๑ ปี สามารถเพิ่มจำนวนควายจาก ๓๐ ตัว เป็น ๖๖ ตัว ชาวืบ้านหลายคนสามารถปลดหนี้ พ้นทุกข์ร้อน (อ่านรายละเอียดที่นี่) นี่คือตัวอย่างที่เป็นเลิศมาก สำหรับการคิดอ่านสร้างสรรค์งานเพื่อสังคมและชุมชนของนิสิตทุกคน
(บันทึกหน้ามาว่ากันต่อครับ จุดเด่นของค่ายฯ ข้อต่อไป)
ไม่มีความเห็น