ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไนดารุสซาลาม เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 โดยเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์ เสรีเบกาวัน คนปัจจุบัน คือ นายพีรวิช สรุวรรณประเทศ และเอกอัครราชทูตบรูไนประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน คือ Haji Ismail bin Haji Abd Manap
มีความใกล้ชิดและฉันมิตรโดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงอยู่เสมอ บรูไนดารุสซาลามเป็นพันธมิตรที่ดีของไทยต่อเรื่องต่าง ๆ ทั้งในกรอบอาเซียน และกรอบพหุภาคี (อาทิ OIC สหประชาชาติ เอเปค)
ปัจจุบัน มีกลไกกำกับความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญคือ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไนดารุสซาลาม (Joint Commission for Bilateral Cooperation - JCBC) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2546 ที่กรุงเทพฯ
ไทยและบรูไนดารุสซาลาม มีทัศนะทางด้านการทหารและความมั่นคงที่สอดคล้องกัน ความร่วมมือทางการทหารดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของกองทัพทั้งสองประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการทหาร และการส่งบุคลากรทางทหารเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ราบรื่นในทุกด้าน และมีการแลกเปลี่ยนระดับสูงของรัฐบาลและกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งบรูไนดารุสซาลามยังเป็นพันธมิตรที่ดีของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นหุ้นส่วนที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ไทยและบรูไนดารุสซาลาม มีกลไกความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน คือคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไนดารุสซาลาม (Joint Commission Bilateral Cooperation : JCBC) ซึ่งมีประชุมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2546 ที่กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การทหาร การค้า การลงทุน แรงงาน ความร่วมมือด้านวิชาการการท่องเที่ยว การสื่อสารและวัฒนธรรม
บรูไน เป็นคู่ค้าของไทยลำดับที่ 9 ในอาเซียน และเป็นคู่ค้าของไทยลำดับที่ 71 ในระดับโลก ในปี 2553 การค้ารวมมีมูลค่า 269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8,150 ล้านบาท) ไทยส่งออกไปบรูไนมูลค่า 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,135ล้านบาท) และนำเข้าจากบรูไนดารุสซาลาม 132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,015ล้านบาท) โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (120 ล้านบาท)
สินค้าที่ส่งออกไปบรูไนดารุสซาลาม ได้แก่ ข้าว หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์เซรามิกผลิตภัณฑ์ยาง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น
สินค้านำเข้าจากบรูไนดารุสซาลาม ได้แก่ สินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
ในปี 2555 (ระหว่างเดือน ม.ค. - พ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 541.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยนำเข้า 360.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 181.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บรูไนดารุสซาลามเป็นคู่ค้าลำดับสุดท้ายของไทยในอาเซียน
การค้าระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลามในแต่ละปีขยายตัวไม่มากนัก บรูไนเป็นคู่ค้าลำดับสุดท้ายของไทยคือลำดับที่ 9 ในอาเซียน ในปี 2556 (ม.ค.-พ.ย.) การค้ารวมมีมูลค่า 615.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปบรูไนดารุสซาลาม มูลค่า 154.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากบรูไนดารุสซาลาม 460.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายเสียดุลการค้า 306.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ข้าว ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง น้ำตาล ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปลาหมึกแห้ง สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และกล้วยไม้
สินค้าสำคัญที่นำเข้าจากบรูไนดารุสซาลาม ได้แก่ น้ำมันดิบ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เยื่อกระดาษ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
คือ การลงทุนระหว่าง Brunei Investment Agency (BIA) และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Matching Fund) ในชื่อกองทุนไทยทวีทุน 1 มูลค่าประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2546 มีอายุกองทุน 8 ปี ทั้งนี้ กองทุนไทยทวีทุน 1 ได้หมดอายุลงเมื่อปี 2551 และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 กบข. และ BIA จึงได้จัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 2 มูลค่าประมาณ 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอายุกองทุน 10 ปี นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนภายใต้ BOI จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการเอเพ็กซ์ เซอร์คิต (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายแผงวงจรไฟฟ้า
จะอยู่ในสาขารับเหมาก่อสร้าง/สถาปนิก ซึ่งมีบริษัทที่มีชื่อเสียงในบรูไนดารุสซาลาม คือบริษัทรับเหมาก่อสร้าง Brunei Construction และบริษัทสถาปนิก Booty Edwards & Rakan-Rakan (การประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในบรูไนดารุสซาลาม จะต้องมีชาวบรูไนดารุสซาลามเป็นหุ้นส่วน ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดอัตราการถือหุ้นส่วนอย่างตายตัว) นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจขนาดย่อม ได้แก่ ร้านขายของ ร้านอาหาร และอู่ซ่อมรถ เป็นต้น
<p “=”“>จะเห็นได้ว่าไทยและบรูไนฯ
ทั้งสองประเทศยังมีทัศนคติที่ดีต่อกัน ไม่เคยมีความบาดหมางทางประวัติศาสตร์
มีทัศนะทางด้านการทหารและความมั่นคงที่สอดคล้องกัน
ความร่วมมือทางด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของกองทัพ
และมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านการทหารและการส่งบุคลากรทางทหารเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรต่าง
ๆ และมักเป็นพันธมิตรในเรื่องต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
นับเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันดีที่ควรดำรงอยู่
และพัฒนาให้ยั่งยืนขึ้นไป
</p>
<p “=””>
</p>
*ผิดพลาดหรือผิดใจประการใดขออภัยอย่างสูงนะครับ
ขอขอบคุณความรู้ดีๆ....
บรรณานุกรม :
http://www.eastasiawatch.in.th/th/relationship/36/
http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=3591&fil...
http://www.apecthai.org/index.php/%E0%B8%82%E0%B9%...
https://asianfoodofthai.wordpress.com/%E0%B9%80%E0...
บรรณานุกรมรูปภาพ :
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%84%E0%B8%...
https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%84%E0%B8%...
ไม่มีความเห็น