วันหนึ่งของจิตอาสา


‘ไม่อยากให้น้องรู้สึกว่าขาด’



ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปทำจิตอาสาที่มูลนิธิเด็กบ้านทานตะวันกับเพื่อนๆ ยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่ได้คิดอยากจะไปทำจิตอาสาอะไรกับเขาหรอกถ้าอาจารย์ไม่สั่ง สมัยมัธยมก็มีไปทำแค่ปลูกต้นไม้ที่วัดหรือไม่ก็เก็บขยะบริเวณรอบโรงเรียนเฉยๆ แถมยังเป็นงานแลกคะแนนอีกด้วย ไม่ได้ตั้งใจจะไปด้วยตัวเองเลยสักนิด

ย้อนกลับไปสมัยอยู่ปี 1 ตอนนั้นก็มีงานจิตอาสาเหมือนกัน ซึ่งทุกคนก็ไปที่บ้านทานตะวัน และครั้งนั้นก็มีคนคอยจัดการทุกอย่าง แค่เตรียมตัวไปเพื่อเล่นกับน้องก็พอแล้ว ในตอนนั้นได้ไปช่วยดูแลน้องวัยประมาณอนุบาล ไปเล่านิทาน พาระบายสี วิ่งเล่น ซึ่งหลังจากกลับมาวันนั้นก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นอกจากรู้สึกสงสาร

จนกระทั่งได้งานครั้งนี้มา

ในตอนที่โทรติดต่อกับพี่เจ้าหน้าที่ก็ตัดสินใจว่าจะไปช่วยดูแลเด็กเล็ก เพราะคิดว่าเด็กโตเหมือนที่ไปเมื่อคราวที่แล้วคงมีคนเข้าไปช่วยดูแลเยอะ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องการนมผงมาก ก็เลยตัดสินใจว่าจะซื้อนมผงไปให้แล้วก็ไปช่วยเลี้ยงน้องด้วย

ความยากเกิดขึ้นตั้งแต่ตรงนี้ เมื่อทั้งกลุ่มไม่มีใครที่มีน้องเล็กขนาดต้องซื้อนมผงเป็นประจำ เป็นประสบการณ์ขำๆ ที่นักศึกษาหลายคนยืนเถียงกันอยู่หน้าชั้นนมผงในห้าง แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน เราคงไม่ได้มายืนเถียงเรื่องนมผงในชุดนักศึกษากันบ่อยๆ หรอกนะ

เราไปมูลนิธิกันวันเสาร์เวลาประมาณสิบโมงเช้า หลังจากเอานมผงให้กับพี่เจ้าหน้าที่แล้วก็เข้าไปหาน้อง ตอนแรกมีน้องอยู่แค่สองคนในห้อง น้องผู้ชายคนนึงดูแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่ง อายุประมาณขวบนึง พี่บอกว่าน้องเพิ่งมาได้ไม่นาน ยังติดมือคนต้องคอยอุ้มตลอด

</span></span>

หลังจากเล่นกับน้องไปได้สักพัก น้องคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ กลับมาในห้อง จนพวกเราที่ไปต้องประกบน้องตัวต่อตัวถึงจะดูได้ทั่วถึง และก็เป็นครั้งแรกที่ได้ป้อนข้าวน้อง น้องที่นั่งให้ป้อนดูมีแววหล่อแต่เด็ก แถมยังขี้เล่นอีกด้วย ยิ้ม หัวเราะให้ แถมยังขี้แกล้งอีกด้วย กินข้าวเสร็จแล้วพลังล้นเหลือวิ่งเล่นรอบห้องจนตามจับแทบไม่ไหว ดูน้องๆ มีความสุข ไม่ค่อยจะงอแงกัน แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือน้องไม่พูดกัน เวลาอยากได้อะไรก็ร้องหรือไม่ก็เดินไปหยิบเอาเอง พี่ที่ดูแลบอกว่าไม่มีใครมาคุยกับน้อง น้องก็เลยพูดช้า ทำให้เห็นว่าถึงน้องจะมีความสุขและสนุกกันตามประสาเด็กแค่ไหน แต่มองตามความเป็นจริงแล้ว น้องก็เป็นเด็กพัฒนาการช้า การดูแลที่ไม่ทั่วถึงส่งผลต่อตัวน้องเอง ความรู้สึกในตอนนั้นคืออยากจะช่วยคุยช่วยสอนน้องให้มากกว่านี้ อยากที่จะมาที่นี่บ่อยๆ อยากเห็นน้องพูด


เมื่อใกล้ถึงเวลานอนกลางวันของน้อง น้องฝรั่งน้อยก็เริ่มงอแงจนต้องไปอุ้ม ในตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิง ปกติจะเป็นคนที่ไม่ทำอะไรที่เป็นงานละเอียดเลย จะอุ้มเด็กก็กลัวตก ซุ่มซ่ามอีกต่างหาก แต่พอน้องงอแงให้อุ้มก็เข้าไปอุ้มเฉย แถมยังโยกจนน้องหลับคาอกอีกด้วย เป็นครั้งแรกที่ทำให้เด็กหลับได้แบบนี้ ถือว่าเป็นประสบการณ์และความรู้สึกแปลกใหม่แบบที่ไม่เคยได้ทำที่ไหนมาก่อน ยิ่งได้ฟังเรื่องของน้องจากพี่ที่ดูแลแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสาร พ่อกับแม่น้องทิ้งไป ตาเป็นคนดูแลมาตลอดจนเมื่อไม่นานมานี้ถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ พอคิดว่าน้องตัวแค่นี้แต่ไม่มีคนคอยกอด ต่างกับตัวเองที่มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้าก็ยิ่งอยากจะกอดน้องให้แน่นขึ้น อยากให้น้องได้รู้สึกถึงความอบอุ่นและสบายใจอย่างที่เด็กคนนึงสมควรจะได้รับ

การไปเจอน้องในครั้งนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าชีวิตที่เราเคยบ่นๆ อยู่เสมอ ถ้าเทียบกับเด็กพวกนี้แล้วถือว่าเราโชคดีมากเหลือเกิน โชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น บางอย่างอาจจะไม่มีเหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญ ถึงน้องจะอยู่ที่มูลนิธิแต่ก็ไม่อยากให้น้องรู้สึกว่าขาดสิ่งนี้ไป ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะกลับไปหาน้องอีกครั้ง อยากจะไปทุกครั้งที่มีเวลาว่าง อยากสอนหนังสือน้อง อยากเล่นกับน้อง อยากกอดน้องให้แน่นๆ ให้น้องไม่รู้สึกว่าขาด


ขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้การไปทำจิตอาสาในครั้งนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้มีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำอะไรเพื่อคนอื่นต่อไป


ขอบคุณมูลนิธิเด็กบ้านทานตะวันที่ให้โอกาสเราได้เข้าไปเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยได้สัมผัส


ขอบคุณน้องๆ ถึงน้องจะไม่รู้ แต่น้องก็ทำให้พี่ได้มีแรงบันดาลใจที่จะทำเพื่อน้องๆ ต่อไป


คำสำคัญ (Tags): #จิตอาสา#มูลนิธิ
หมายเลขบันทึก: 625466เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2017 21:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม 2017 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท