พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้รับพระราชทานแก่ครูอาวุโสในโอกาสที่เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติมีข้อความที่เกี่ยวกับลักษณะของครูที่ดีไว้ตอนหนึ่งว่า
"ครูที่แท้นั้น ต้องเป็นผู้กระทำแต่ความดี คือ
ต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร
ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละ
ต้องหนักแน่น อดกลั้นและอดทน
ต้องรักษาวินัย สำรวมระวังความประพฤติของตนให้อยู่ในระเบียบแบบแผนอันดีงาม
ต้องปลีกตัวปลีกใจออกจากความสบาย และความสนุกรื่นเริงที่ไม่ควรแก่เกียรติภูมิ
ต้องตั้งใจให้มั่นคงและแน่วแน่
ต้องซื่อสัตย์รักษาความจริงใจ
ต้องเมตตาหวังดี
ต้องเมตตาหวังดี
ต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจคติ
ต้องอบรมปัญญาให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ขึ้นทั้งในด้านวิทยาการและความรู้ในเหตุผล
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณทุกคนท่านที่เข้ามาชมบทความนี้ โดยวัตถุประสงค์ของผมคือ อยากจะแชร์ประสบการณ์ของพี่สาวของผมเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณครูทุกท่านที่กำลังท้อใจกับอาชีพครูนะครับ >< ตอนนี้พี่สาวของผม เธอได้รับราชการครูอยู่บนดอยตามที่ความฝันของเธอแล้วครับ แต่ก่อนที่จะมาเป็นครูได้นั้นเธอก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตไม่น้อยเช่นกัน
จุดเริ่มต้น...ของความใฝ่ฝันที่อยากเป็น...ครู
พี่สาวของผมชื่อเปิ้ลนะครับ พี่เปิ้ลเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ใจดี พูดจาอ่อนหวาน เรียบร้อย และใจเย็นมาก ซึ่งบุคลิกและความที่เป็นเธอเหมาะกับการประกอบอาชีพครูมากที่สุดจริงๆ เหตุเกิดจากความสงสัยของผมว่า ทำไมพี่ถึงไม่เรียนอย่างอื่น ทั้งๆที่เพื่อนของพี่ก็ไปเรียน บริหาร เรียนนิเทศ และอื่นๆ ซึ่งพี่เปิ้ลก็บอกผมว่า เธอมีไอดอล คือ ครูสมศรี ตอนประถมเธอไม่เข้าในใจในบทเรียนในขณะที่เพื่อนคนอื่นเข้าใจ และทุกคนก็ทำแบบฝึกเสร็จแล้วก็พากันไปเล่น เธอก็นั่งจับดินสอแล้วหมุนๆอยู่ เพราะเธอทำไม่เป็น แถมยังไม่กล้าถามครูอีก จนครูสมศรีเดินมาเห็นพี่เปิ้ล เธอกลัวครูดุมาก เพราะครูท่านนี้ เป็นครูอีกคนที่โหดมากก็ว่าได้ แต่ในขณะที่ครูเดินมานั้น ครูก็ยิ้มมาด้วย แต่เธอก็กลัวอยู่ดี ประโยคแรกที่ครูถาม "ทำไมไม่้ทำแบบฝึกหัด ทำไม่เป็นล่ะสิ" พี่เปิ้ลก็ได้แต่นั่งเงียบๆ แล้วประโยคหนึ่งที่ครูพูด "มา เดี๋ยวครูจะสอนเธอเอง" แล้วครูท่านก็ได้สอนให้พี่เปิ้ลจนเข้าใจในที่สุด ตั้งแต่วันนั้นมาพี่เปิ้ลก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นครู จนสุดท้ายเธอก็ได้ตัดสินใจเรียนครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อเป็นครู พอเธอเรียนจบเธอได้ไปสมัครตามบริษัทซึงไม่ตรงกับสายที่เธอเรียนมา เนื่องจากเธอเอกภาษาอังกฤษมาทางเลือกเลยเยอะ เขาให้เริ่มต้นเงินเดือนที่ 18000 ซึ่งได้เยอะกว่า ป.ตรี ปกติอีก แต่ทำงานบริษัทได้แค่เดือนเดียวแล้วก็ออก เธอเล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่เธอทำงานบริษัทมีแต่คนแข่งขันกัน ทั้งเรื่องงานแถมซื้อของเบรนด์เนมมาอวดกันและทำงานก็กดดันมาก ซึ่งเธอไม่ชอบสังคมแบบนี้ ก็เลยลาออก แล้วไปตามสมัครเป็นครูอัตราจ้างแถวบ้าน ซึ่งทาง ผอ บอกว่า ไม่งบในการจ้างครูอัตราจ้าง แต่เธอก็อ้อนวอนขอร้องจนได้สอนในโรงเรียนแถวบ้าน ซึ่งได้เงินเดือน 3500 ถือว่าน้อยมาก แต่เธอก็ไม่บ่นเพราะเธอบอกเธออยากสอนหนังสือ เธอสอนได้ 3 เดือน สุดท้ายก็สอบบรรจุข้าราชครูได้ มี 2 โรงเรียนให้เธอเลือก คือในเมืองกับบนดอยเธอตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่อยู่บนดอย ผมได้มีโอกาสไปส่งพี่สา่วย้ายของไปอยู่บ้านพักครูบนดอย ถนนหนทางยังเป็นทางลูกรังอยู่เลยครับ ฝุ่นเยอะมาก ระหว่างทางมีหลุม มีบ่อ เยอะมาก แต่พอไปถึงโรงเรียนมีเด็กๆชาวเขาวิ่งมาดูด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแสดงให้เห็นถึงความดีใจ พี่สาวผมบอก นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ บรรยากาศรอบๆโรงเรียนเต็มไปด้วยป่าไม้ มีลำธารข้างโรงเรียนด้วย บรรยากาศดีมากครับ พอพี่ผมอยู่ได้ 2 วัน ก็โทรมาเล่าให้ฟัง ครูทั้งโรงเรียนมี 3 คนเมื่อรวมกับ ผอ แล้วและไม่มีภารโรง ที่หนักไปกว่านั้นคือ เด็ก ป.3บางคนยังท่อง A-Zไม่ได้เลยต้องเริ่มสอนใหม่หมดเลย พี่ผมเลยต้องหาเทคนิคต่างๆในการสอนมาเพื่อทำให้เด็กสนุกในการเรียนและอยากเรียน นอกจากสอนหนังสือแล้ว ทุกๆเช้าตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเป็นอาหารกลางวันให้เด็กเพราะเด็กบางคน บ้านยากจนมากห่อแค่ข้าวเปล่ามาโรงเรียน บางคนไม่มีเงินมาซื้อขนมที่โรงเรียนก็มี นอกจากนั้นพี่เปิ้ลยังต้องรดน้ำต้นไม้ กวาดห้องเรียน ถูกห้องเรียน เหมือนกับเป็นภารโรงเลย แต่เธอบอกเธอก็มีความสุขกับการทำแบบนี้ และมีความสุขกับการเป็นครูดอย ถึงจะเหนื่อยกายแต่สุขใจ
การเป็นครูไม่ใช่แค่การสอนหนังสือในตำราเพียงอย่างเดียว แล้ว.......................................................................................................?
#ผมให้ทุกคนที่เข้ามาชมตอบกันเองนะครับว่านอกจากจากการสอนหนังสือครูที่ดีต้องทำอะไรอีก ^^
ที่มาของบทความ : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=313501
ขอบคุณมากๆครับ
ตอนนี้ผมก็เรียนครูเหมือนกับพี่สาวครับ ผมก็มีพี่สาวเป็นไอดอลอีกทีหนึ่งครับ ^^