ผมสอน Appreciative Inquiry (AI) ซึ่งคือศาสตร์ที่ใช้ในการพัฒนาองค์กร คน ...โดย AI คือกระบวนการที่คนในองค์กรสืบค้นหาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้วในองค์กรและในสิ่งแวดล้อม โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าในองค์กรมีส่ิงดีๆ ที่ซ่อนเร้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเดินไปด้วยดี ซ่อนเร้นและรอการค้นพบอยู่ ถ้าดูภาพจากข้างล่างนี้ จะเห็นคำอธิบายได้ชัดเจนมากๆ
.. AI เราเน้นสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ไปขุดหาสิ่งที่เราไม่มี...เราเอาสิ่งที่เรามีไปขยายผล ที่สุดเราจะมีในส่งที่ขาดมาเอง... คนส่วนใหญ่อาจเถียงว่าไม่จริง... ต้องหาสิ่งที่ไม่มีก่อนถึงจะใช่...ลองฟังทางนี้เอาง่ายๆครับ... ตัวอย่างที่ชัดมากๆก็เรื่องเงิน..พนักงานที่ไหนก็จะบ่นเรื่องเงิน เงินไม่พอครับ...ลองให้เขาคุยสิครับว่าปัญหาเป็นเพราะอะไร ...คุยให้ตาย คุยทุกเย็น ก็ยากที่จะเห็นว่าใครจะรวยขึ้น ล่าสุดไปทำ workshop อย่างเก่งก็จะบอกว่าถูกหวยหลายงวด ...
นี่คือเราไปเน้นขุดคุ้ยสิ่งที่เขาขาด..
ลองไปเน้นสิ่งที่เขามีสิ ... AI สอนว่าทุกคนย่อมมีดีเสมอ.. ลองมาช่วยกันค้นหาสิว่าแต่ะคนมีประสบการณ์ดีๆ อย่างไร ในเรื่องเงิน
มีสาม Cases ที่อยากเล่า
case 1: เป็นช่างในบริษัทชั้นนำของไทย...”ผมไม่มีหนี้ครับ” อ๊าวทำไง ...”ผมเห็นคนอื่นเป็นหนี้ซื้อบ้านกัน จนเกษียณก็ใช้ไม่หมด ผมเองเป็นช่างก็มาคิดว่าทำไมต้องไปจ้างคนอื่นทำบ้าน ทำไมไม่ทำบ้านด้วยตนเองล่ะ ผมก็ทำเองครับ ค่อยๆต่อ มีเท่าไหร่ทำเท่านั้น มีตังค์ทำประตูก็ทำแค่ประตู มีตังค์ทำพื้นก็แค่เทพื้น ต่อไปเรื่อยๆ จนสองปีได้บ้านสองชั้น ไม่ต้องไปกูเงินซื้อใคร ทำให้ผมไม่มีหนี้เลย” ช่างที่เหลือฟัง ทุกคนอ้าปากหวอ... บางคนเปรย ทำไมเพิ่งมาได้ยินเรื่องนี้นะ ไม่งั๊นป่านนี้ไม่มีหนี้แล้ว
Case 2: เป็นโรงงานแห่งหนึ่ง..”หนูแก้ปัญหาหนี้นอกระบบหมดค่ะ จ่ายหมดแล้ว” ...ทำอย่างไร ...คนจบป. 6 พูดออกมาหยั่งคนจบปริญญาโททางการเงิน.. ทุกคนทึ่ง...ผมเลยถามว่าใครติดหนี้แล้วอยากปลดหนี้บ้าง. ยกมือหลายคน ที่สุดเรามาตั้งกลุ่มปลดหนี้กัน
Case 3: “ผมภูมิใจที่ไม่มีหนี้บัตรเครดิตแล้วครับ” ...”อ๊าวทำไงพี่” ...ผมถาม... “ผมติดอยู่ห้าใบ เป็นบ้าไปเลย..ตอนหลังเลยตัดใจไม่เป็นหนี้แล้ว เลยหักดิบเอา ผมเลยเอาปากกาไปเขียนหลังบัตรเครดิตครับว่า “ใช้เมื่อไหร่ เหี้ย..” คนฮากันทั้งห้อง...”หลังจากนั้นมันติดตาครับผมไม่กล้าใช้บัตร ตอนหลังเลยเหลือใบเดียว กู้สถานการณ์มาได้
นี่ครับ เป็นตัวอย่างที่ผมพาคนในองค์กรต่างๆ ขุดหาประสบการณ์ดีๆ ออกมาได้คำตอบคนละอย่างสองอย่าง ...หลายอย่างกลายเป็นโครงการแก้ปัญหาร่วมกัน
แทนที่จะปล่อยให้บ่น และก็มีแต่ปัญหาที่ไม่มีทางออก...ขุดไปอย่างไรก็ไม่เจอ ได้แต่ฝันว่าจะถูกหวย แต่ถ้าขุดเรื่องดีๆ จะเจอโอกาส เจอวิธีการ ไปแก้ปัญหาได้มากกว่า
คล้ายๆ เล่าปี่... ผมชอบมากๆ ใครจะว่าเล่าปี่ผมไม่ว่า ...ตั้งแต่ฉากแรกในสามก๊กแล้ว..เล่าปี่แทนที่จะมองสิ่งที่ตนเองขาด ก็มองครับ มองว่าใครจะมาช่วยสร้างอาณาจักรได้บ้าง ดึงประสบการณ์ตนเอง ประสบการณ์ของคนรอบตัวมาใช้ ที่กสุดก็ขยายผลจากกองทหารที่มี่เพียงสามคน จนเริ่งมีกองกำลังเล็กๆ สู้มาเรื่อย จนก้าวมาเป็นนายอำเภอ จนมาเป็นขั้วอำนาจสำคัญ ที่สุดสร้างอาณาจักรสำเร็จ ...
ถ้าเล่าปี่มัวแต่มองส่วนขาด ว่ามีคนแค่นี้จะทำอะไรได้ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย วิเคราะห์ให้ตายและเกิดใหม่ร้อยชาติก็คงไม่สามารถสร้างความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ ...
คำถามที่จะมีให้กับผู้นำทุกท่านคือท่านจะเลือกค้นหาอะไร It’s your choices .... ท่านต้องเลือกของท่านเองแล้วครับ
วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ
ไม่มีความเห็น