รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต้นไม้ในโรงเรียน..ที่ขาดน้ำฝนมามากกว่า ๑ สัปดาห์แล้ว แต่จริงๆ เป็นห่วงนาข้าวมากกว่า ...เพราะต้นกล้า...อ่อนเยาว์นัก ยืนต้นในผืนนา ที่ไม่มีน้ำอยู่เลย ผืนนาแห้งขอดแตกระแหง ผมกลัวว่า ต้นกล้าจะเฉาตาย ถ้าตายแบบตายนึ่ง ไม่ฟื้นคืนชีพกลับมา ผมกับนักเรียนคงเสียดาย..มิใช่น้อย
ผมจึงขอความอนุเคราะห์รถน้ำของเทศบาล ๒ คันรถ คันแรกใส่ถังน้ำฝนไว้และรถน้ำต้นไม้รอบโรงเรียนจนทั่ว อีกคันหนึ่ง ใส่น้ำทั้งหมดลงไปในผืนนา ต้นกล้า...ได้น้ำ มองดูก็เหมือนปลาเจอน้ำใหม่ ดูเริงร่า สดชื่นขึ้นมาทันที หรือผมคิดไปเอง ที่เห็นต้นกล้าโบกสะบัดใบ เขียวไสวไปทั่วนาผืนน้อยๆ
ฝนไม่ตกนานๆ พอน้ำจากรถน้ำของเทศบาล กระทบต้นไม้ใบหญ้าและพื้นดิน จึงส่งกลิ่นดินคลุ้งไปทั่วบริเวณ ก็เป็นบรรยากาศแบบบ้านๆดีเหมือนกัน โรงเรียนเล็กๆ ก็ได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นไอของธรรมชาติ แบบใกล้ชิด เหมือนบ้านเล็กในป่าใหญ่ แต่เป็นป่าใหญ่ที่ขาดฝนนานเกินไป...
รถน้ำของเทศบาล ขับออกจากโรงเรียนไปแล้ว ออกไปไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง ...ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตก ก็ตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา ไหลท่วมหน้าอาคารเรียน แบบท่วมชั่วคราว ก่อนไหลไปลงสระและแห้งเหือดไปเอง นอกจากช่วยให้คลายร้อนแล้ว..ยังช่วยให้พื้นดินอุ้มน้ำไว้ และต้นไม้...ก็ได้น้ำอย่างพอเพียงและเพียงพอไปได้อีกหลายวัน..
ฝนหยุดตก..ทำให้ผมคิดถึงถ้อยคำที่บอกว่า..ฟ้าหลังฝน..ท้องฟ้าสดใส สว่างไสวเจิดจ้า...และ ความอดทน..การรอคอย อาจดูขมขื่นบ้าง แต่ที่สุดแล้ว ผลที่ได้หอมหวาน ใช่แล้วครับ ผมรอฝน แต่ผมไม่ได้งอมืองอเท้า เอาแต่รอ และ รอ แต่ผมช่วยเหลือตนเองด้วย เพื่อส่วนรวมและสิ่งแวดล้อม...
จึงเหมือนว่า วันนี้ฟ้ามาโปรด...เหมือนฟ้า..เห็นใจ...ที่เห็นครูรู้จักพึ่งตนเอง อย่างที่พูดกันว่า ฟ้ามีตานั่นเอง ก็คงเป็นเพียงความคิดเล็กๆ ที่คิดอย่างสบายใจ จากนั้น...ผมก็ไปทำธุระที่ไปรษณีย์ ที่อยู่ในตลาด ก็พบว่า ที่ตลาดในอำเภอ ห่างกันเพียง ๒ – ๓ กิโลเมตร ไม่มีฝนตกเลย ตกเย็นเดินทางกลับบ้าน ก็พบว่า ที่บ้าน...ซึ่งอยู่ตำบลเดียวกัน ฝนก็ไม่ตกเหมือนกัน...
อย่างนี้นี่เอง ที่เขาบอกว่า ...คิดดี ทำความดี ถ้าเห็นว่าดีทำเลย ไม่ต้องรอ....ใครไม่เห็น..ฟ้าก็เห็น(อารมณ์นี้ ดูหนังจีน มากไปหน่อยแล้วมั้ง)
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙