มารู้จักทุเรียนหมอนทองกัน


ที่มาของรูปภาพ : http://www.mcot.net/site/content?id=512f1cc8150ba0...


ทุเรียนได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาผลไม้” และเคยมีคนกล่าวไว้ว่า “กลิ่นราวนรก รสชาติเหมือนสวรรค์” เนื่องมาจากกลิ่นรุนแรงเฉพาะตัวของทุเรียน ที่เกิดจากสารหอมระเหยอย่างเอสเทอร์คีโทน และสารประกอบซัลเฟอร์หลายชนิด เป็นกลิ่นที่คนรักทุเรียนจะบอกว่าหอมหวานน่ากิน แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบ เพียงแค่ได้กลิ่นเล็กน้อยก็แทบทนไม่ได้ ทว่ารสชาติชาติที่หวานมันของเนื้อทุเรียนก็ทำให้บางคนมองข้ามกลิ่นที่ร้ายกาจไปได้ ทุเรียนจึงเป็นหนึ่งในผลไม้อันดับต้น ๆ ที่ผู้คนชื่นชอบ เส้นใยอาหารมีมากในเนื้อทุเรียน จะช่วยทำความสะอาดให้กับลำไส้ มีวิตามินซีสูง ต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีโพแทสเซียม ช่วยระดับน้ำในร่างกายและเซลล์ให้ปกติสมดุล มีแคลเซียม มีแมกนีเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ยังมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะจะช่วยให้หลับง่าย ลดความซึมเศร้า ช่วยป้องกันความผิดปกติของสารเคมีในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อไมเกรน ลดความเครียด ในขณะเดียวกันเนื้อทุเรียนมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตมาก จึงไม่ส่งผลดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำตาล สิ่งที่ควรระวังอีกประการคือ เนื้อทุเรียนมีกำมะถันอยู่สูง ส่งผลต่อการเพิ่มความร้อนในร่างกาย อีกทั้งเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงห้ามกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้แอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดพิษจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ คนโบราณจึงมีวิธีเบื้องต้นสำหรับดับร้อนจากการกินทุเรียนคือ กินผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นอย่างมังคุดตามเข้าไป หรือจะลองใช้อีกวิธีคือ ให้ดื่มน้ำที่รินใส่เปลือกทุเรียนเปล่าหลังกินเนื้อหมดแล้ว แต่ความร้อนของทุเรียนก็มีประโยชน์ตามตำรับยาไทยคือ ช่วยขับพยาธิและแก้โรคผิวหนัง ช่วยให้ฝีหนองแห้งเร็ว สำหรับสาว ๆ ที่รักการดูแลตัวเอง อาจแบ่งเนื้อทุเรียนมาใช้บำรุงผิวพรรณด้วยวิธีง่าย ๆ โดยนำเนื้อทุเรียนห่ามมาปั่นรวมกับดินสอพอง ให้เนื้อข้นเหมือนครีมแล้วพอกหน้าไว้ เว้นเฉพาะบริเวณริมฝีปากแลกรอบดวงตา ทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านี้ ก็จะช่วยลดสิวเสี้ยนและทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นได้


ที่มาของข้อมูล : http://ruttikan1992.appspot.com/work1.html

หมายเลขบันทึก: 606545เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2016 23:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2016 23:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท