บันทึกที่ (๑) บันทึกที่ (๒) บันทึกที่ (๓)
ผมสังเกตว่า การเรียนรู้ในวงเวทีนี้ ถูกยกระดับขับไปด้วยความอยากรู้ของ อ.พีรยศ หลายครั้ง โดยเฉพาะการตั้งคำถามแบบเจาะจงแล้วส่งไมค์ให้ใครตอบแบบทำให้ดู เช่น ครั้งหนึ่งบอกว่า ท่านยังไม่ได้เป็นอาจารย์ผู้สอน เลยอยากให้ อ.ธวัช อธิบายให้ฟังหน่อยว่า สมอง "๓ ชั้นปัญญา ๓ ฐาน" คืออะไร? นำไปใช้อย่างไร? ฯลฯ ...
ผมจับประเด็น ทำความเข้าใจ และบันทึกไว้ เผื่อว่าท่านอื่นๆ จะเอาไปใช้เป็นสื่อการสอนครับ
ประเด็นสำคัญๆ ตามลำดับ (จากเหตุ->ผล)...
-
นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า สมองของมนุษย์คือสิ่งสำคัญที่ทำให้สามารถเรียนรู้และฉลาด
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ มนุษย์ไม่ได้ใช้ความสามารถของสมองตนเองเต็มที่
ดังนั้น
หากรู้เรื่องสมองและดึงศักยภาพของสมองออกมาใช้ได้ดี
จะทำให้ผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้และการทำงานดีขึ้น
-
การศึกษาเรื่องสมองเจริญรุดหน้าด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น เครื่อง MRI (Magneto-Resistance Imaging) ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า
สมองแต่ละส่วนทำงานประสานแต่ละหน้าที่พฤติกรรมแตกต่างไป เช่น สมองชั้นใน (วงสีดำ)
ควบคุมเกี่ยวกับการกระทำ เคลื่อนไหว ทรงตัว ออกแรง ต่อสู้ ฯลฯ สมองชั้นกลาง
(วงสีน้ำเงิน) ส่งผลเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการแสดงอารมณ์ รัก เมตตา ริษยา โกรธ เกลียด
ฯลฯ ส่วนสมองชั้นนอก จะบอกพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีคุณธรรม ความดี สร้างสรรค์
แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ ฯลฯ สมองทั้ง ๓
ชั้นนี้ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ท่านเรียกชื่อใหม่ให้เข้าใจง่ายว่า สมองตะกวด สมองแมว
และสมองคน ตามลำดับ
-
ในขณะที่วิทยาศาสตร์เจริญ ผู้ที่สนใจทางปรัชญา จิตวิทยา และศาสนาก็มีผู้ศึกษาเรียนรู้จนเห็นแจ้งมากขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ซึ่งปราชญ์ผู้รู้บางท่านบอกว่า น่าจะเป็น "ศาสตร์"
มากกว่าเป็น "ศาสนา" เพราะไม่ได้มุ่งเน้นที่ศรัทธา
แต่มุ่งท้าทายให้พิสูจน์ด้วยการนำมาปฏิบัติให้ "รู้" ให้อยู่เหนือ
"การคิด" สอดคล้องกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างยิ่ง
แตกต่างกันเพียงมุมมองของสิ่งสำคัญต่างกัน
วิทยาศาสตร์ปัจจุบันบอกว่า "สมองเป็นใหญ่"
แต่พุทธวิจัยนั้นบอกว่า "ใจเป็นประธาน"
-
เมื่อมุมมองต่างกัน คำตอบของคำถามวิจัยจึงต่างกันคนละขั้ว เช่น ๑)
ถ้าคลื่นสมองต่ำจนอยู่ในช่วงที่เรียกว่าอัลฟ่าจะทำให้จิตใจสบายผ่อนคลาย
กับอีกมุมกลับกันว่า๒) ถ้าทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย จะทำให้คลื่นสมองต่ำลงจนอยู่ในช่วงคลื่นอัลฟ่า
ฯลฯ
- วิทยาศาสตร์เห็นดัวยกับแบบแรก จึงศึกษาค้นคว้าและวิจัยยาชนิดต่างๆ
ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วทำให้ผ่อนคลาย ผลิตอาหารกินแล้วดี
เช่นบอกว่ากินช็อคโกแล็ตจะทำให้ผ่อนคลายหายปวดหัว
หรือบ้างก็บอกว่าให้ไปออกกำลังกาย ให้ไปฟังเพลงฟังดนตรี หรือบางตำราบอกให้มีเซ็กซ์
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นวิธี บนฐานความเชื่อนี้ทั้งนั้น
-
ส่วนด้านศาสนาสอนให้คนรู้คุณค่าของมนุษย์ โดยเน้นด้านจิตใจ
หลากหลายวิธีการแตกต่างไป หลายศาสนาใช้ศรัทธาเพื่อควบคุมจิตใจ ไม่ให้หลงผิด หลงทำ
หลงนำสิ่งไม่ดีสู่ชีวิต ส่วนพุทธศาสนาเน้นแนวปฏิบัติไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยหนทางแห่งมรรคา
๘ ประการ ซึ่งย่อมาเป็น ศีล-
>สมาธิ->ปัญญา
สู่การรู้แจ้งความจริงแท้ (อริยสัจ ๔) เห็นแจ้งนิพพาน
-
จิตตปัญญาศึกษา (วิถีพุทธ) เห็นตามข้อ ๒)
และปรับเอาความรู้ด้านประสาทวิทยา
มาใช้บูรณาการเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้สู่ความจริงสูงสุด
ดังนั้นการเรียนรู้ธรรมชาติของสมองจึงสำคัญ
และมีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการเรียนรู้ตามแนวทางจิตตปัญญาศึกษา (วิถีพุทธ)
ประเด็นสำคัญจากการฟังครู
- การทำงานของสมอง แบ่งได้เป็น ๒ โหมด คือ โหมดปกติ (ในพื้นที่สีฟ้าด้านบน)
และโหมดปกป้อง (พื้นที่สีเหลือด้านล่าง) โหมดปกติจะผ่อนคลาย เรียนรู้
สมองจะอยู่ในคลื่นอัลฟ่า ส่วนโหมดปกป้อง สมองจะเครียดหรือหลงฟุ้งซ่าน
ไม่เหมาะกับการทำงานหรือเรียนรู้ สมองจะอยู่ในช่วงคลื่นเบต้า
- มนุษย์อาจเรียนรู้จากฐานทั้ง ๓ ได้แก่ ฐานกาย ฐานคิด และฐานใจ
ฐานกายมักใช้สมองชั้นใน ฐานใจจะใช้สมองชั้นกลาง ส่วนสมองชั้นนอกจะเกี่ยวข้องกับฐานคิด
ซึ่ง "จิต" จะทำหน้าที่ "รับรู้" ที่ฐานกาย
"รู้สึก" ที่ฐานใจ และ "ระลึกเห็น" จากฐานคิดด้วย
-
ควบคุมสมองชั้นในต้องใช้ "ศีล" ประคองสมองชั้นกลางด้วย
"สมาธิ" และ "พรหมวิหาร ๔" มีเมตตา กรุณา มุฑิตา
และอุเบกขาเป็นที่สุด
ส่วนสมองชั้นนอกต้องฝึกการคิดโดยแยบคาย
หรือ โยนิโสมนสิการ ทั้ง ๑๐ ประการ (โปรดเน้นสอน)
-
หากเห็นผิด คิดผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว...ก็จบ ....(โหมดปกป้องการเข้าสู่นิพพาน)
- แม้นเห็นถูก คิดถูก คิดดี ไม่โกรธ เกลียด ริษยา (คือมีสัมมาสติ)
แต่ถ้าไม่มีสมาธิ ความเพียร ไม่สม่ำเสมอ ขาดตอน... นิวรณ์ก็ยังจะครอบงำ ....
(ยังอยู่ในโหมดปกป้องการเข้าสู่นิพพาน)
- แต่สำหรับผู้เริ่มต้นอย่างเรา ... ถ้าจะเข้าสู่โหมดปกติ ต้องมีสัมมาสติ
เอาชนะกิเลสอย่างหยาบ เบื้องต้นก่อน
- อ.ธวัช บอกว่า สุดยอดของสมองชั้นต้นคือ ศีล สุดยอดของสมองชั้นกลาง
(ท่านคงหมายถึงปลายทาง หรืออีกฝากของ "สะพาน") คืออุเบกขา
และสุดยอดของปัญญาจากสมองชั้นนอกคือ การสร้างสรรค์และการจับประเด็น
ผมชอบจับประเด็น ...
แต่ถ้าจะให้เห็นจริงอย่างที่ท่านพูด คงต้องฝึกต่อไป .....
บันทึกหน้ามาว่ากันเรื่องมุมมองของปราชญ์แห่งวิชานี้ทั้งสองท่าน
อ.อุดมศักดิ์ และ อ.ธวัช.... สนุกครับ