ไตรภพพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง วันนี้เขาได้รับเงินโบนัสกลางปีหลายพันบาท ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนสามล้อถูกหวย เขาจึงหมุนโทรศัพท์ไปหาชลลดาหวานใจคนใหม่ นัดหมายกันเสร็จสรรพว่า ห้าโมงเย็นวันนี้เขาจะขับรถไปรับ แล้วพาเจ้าหล่อนชมวิวรอบเมืองจากนั้นก็ทานอาหาร ฟังเพลงกันให้สำราญบานใจ
ใกล้เวลานัดหมาย เขาขับรถนิสสันคันงามออกจากธนาคารข้ามสะพานพระพุทธยอดฟ้ามาฝั่งธนบุรี จะไปรับหวานใจที่บุคคโล พอมาถึงโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ไตรภพรู้สึกว่ารถของเขาเริ่มเอียงและเป๋ไปมาจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ จึงจอดรถเข้าข้างทางลงมาดูก็พบว่ายางล้อหลังรั่วจนแบนติดถนน
เขารู้สึกหัวเสียที่รถเจ้ากรรมทำเหตุในเวลาที่มีนัดสำคัญเช่นนี้ มองหาอู่ซ่อมรถแถวนั้นก็ไม่มี ดูนาฬิกาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาที่นัดกับแฟนสาวไว้ ถ้าไปไม่ทันเวลาเขาคงต้องถูกต่อว่าจากหญิงสาวหรือไม่ก็อาจต้องเลิกคบกันไปเลย
ไตรภพตัดสินใจหยิบแม่แรงและเครื่องมือท้ายรถ จัดแจงถอดยางเก่า ไขนอต ยึดล้อทั้ง 4 ตัว ออกมาวางข้างถนน แล้วยกยางอะไหล่ท้ายรถเตรียมใส่แทน แต่ด้วยความรีบเร่ง ทำให้เท้าของเขาไปเตะถูกนอตที่เขาไขกองไว้ข้างถนนทั้ง 4 ตัว กระเด็นลงไปในคูน้ำครำข้างถนน เขาแทบสิ้นแรงและหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ทรุดตัวลงนั่งกุมขมับไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทันใดนั้น ก็มีเสียงชายคนหนึ่งพูดมาจากด้านหลังว่า
"ไอ้โง่เอ๊ย ทำไมไม่ถอดนอตล้อข้างอื่น ล้อละตัวมาใส่ แล้วขับไปซื้อนอตที่อู่ข้างหน้าอีกสองป้ายรถเมล์เล่า "
ไตรภพเพิ่งนึกขึ้นได้และรีบทำตามจนสำเร็จ แล้วหันไปทางชายคนนั้น
"ขอบคุณพี่มาก แต่เอ พี่เป็นคนบ้าในโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาไม่ใช่เหรอ" ไตรภพถามด้วยความแปลกใจ
" เออซีวะ ถึงข้าจะบ้า แต่ข้าก็ไม่ได้โง่นี่หว่า"
อาจมีจริงก็ได้นะ เรื่องแบบนี้ คนที่ตั้งสติยังไม่ได้คิดอะไรก็ไม่ออกเอาเสียเลย คนบ้าเขาอาจมีสติคิดอะไรได้บ้างเหมือนกันนะ