1. ยืนตากแดดนานๆ : ทุกนาทีที่เรายืนตากแดดแม้ว่าจะรู้สึกดีแต่มันจะค่อยๆทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินของคุณ การตากแดดเป็นเวลานานจะทำให้โมเลกุลเหล่านี้กลายเป็นแป้งหยาบๆ และแสงแดดยังทำลายดีเอ็นเอของผิวหนังซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุด ขอแนะนำให้ทาครีมกันแดด ส่วนในเวลากลางคืนหลังจากที่อาบแดดมาทั้งวันแล้ว ควรทาน้ำมันสูตรชะลอความแก่ลงบนใบหน้าเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นในยามหลับ
2. รับประทานน้ำตาล : เครื่องดื่มและอาหารที่มีสารฟรุกโตสเข้มข้น : น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่นในเนื้อเยื่อของมนุษย์ ซึ่งหมายความว่ามันจะทำให้โมเลกุลเปราะบาง และหากผิวหนังกับหลอดเลือดเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาลมันก็จะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและโมเลกุลที่ต้านการอักเสบโดยธรรมชาติ เช่น ผักคะน้า, โยเกิร์ต, ปลาเนื้อขาว, น้ำมันมะกอกและเสาวรส
3. ทำความสะอาดผิวหน้าเกินความจำเป็น : การขัดถูผิวหน้าหรือการบำรุงผิวที่มากจนเกินไป เพียงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อชะลอความแก่สูตรอ่อนโยนก็ทำให้ผิวพรรณสะอาดผ่องใสได้แล้ว แถมยังไม่ต้องสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติไปอีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืมทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ทุกครั้งหลังล้างหน้า
4. ออกกำลังกายแบบหักโหม : การออกกำลังกายมากเกินไปจะเป็นการทำร้ายใบหน้าและร่างกาย ควรทำแต่พอดี หากหักโหมมากเกินไปร่างกายของคุณจะเครียด และระดับคอร์ติซอลในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ดูซูบซีดและอ่อนเพลีย
5. พักผ่อนน้อย : การนอนหลับคือช่วงเวลาที่ร่างกายและผิวของคุณจะได้ซ่อมแซมและฟื้นฟู เมื่อไรก็ตามที่เรานอนน้อยเกินไป ผิวของเราจะซีดเซียวและปรากฏรอยคล้ำบริเวณใต้ตา และอย่ารับประทานอาหารดึกจนเกินไป ซึ่งจะช่วยทำให้นอนหลับสนิทและสบายยิ่งขึ้น และการทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูตรผสมเชียนัทบัทเตอร์ในตอนกลางคืนก็จะยิ่งช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น
6. ดื่มน้ำน้อย : เนื้อเยื่อและผิวหนังของเราก็ต้องการน้ำเพื่อรักษาศักยภาพการทำงานของเซลล์ ผิวที่ขาดน้ำจะสูญเสียความยืดหยุ่นซึ่งทำให้เราดูแก่และเหนื่อยล้า ขณะเดียวกันหากดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอก็จะทำให้เราดูดีและรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น
7. ใช้ผลิตภัณฑ์ความงามมั่ว : หลายคนซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบมั่วๆ ทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ สาเหตุเกิดจากการขาดความรู้ในการบำรุงผิวและชะลอความแก่อย่างถูกต้อง ดังนั้นควรขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล
ไม่มีความเห็น