คำที่สับสน ในวงการ "ศึกษา"


ว่าด้วย "การเลียน" "การเรียน" "การเรียนความรู้" "การเรียนรู้" และ "การศึกษา"

*************************************
ปัจจุบัน คำที่ใช้กันอย่างสับสนในวงการศึกษามากที่สุด มีมากมาย ที่บ่อยที่สุด ก็ ได้แก่ คำว่า ....

ก. เรียน
ข. เรียนรู้
ค. ศีกษา
ฯลฯ

และบ่อยมากที่นำคำเหล่านี้ ไปปะปนกับคำอื่นๆ อีกหลายคำ ทั้งเจตนา และไม่เจตนา เช่น

ก. แค่การไปลงชื่อเข้าสถาบันการศึกษา ก็อาจเรียกว่า ไปเรียน ไปศึกษา
ข. การไปนั่งฟัง จดตามที่เขาว่ามา ก็เรียกว่า "ไปเรียน"
ค. แค่ท่องตำราไปสอบ ก็เรียกว่า "การศึกษา"
ง. แค่ตอบข้อสอบได้ หรือมีใบรับรอง ก็เรียกว่า "ผู้มีการศึกษา"
จ. แค่สอบผ่านทุกวิชา ก็เรียก "จบการศึกษา"
ฯลฯ

ที่เป็นการนำคำที่มีความหมาย "ลึกซึ้ง" สูงส่ง มาใช้แบบ "ผิวเผิน" เพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าบางประการนั้น
ที่เป็นการทำลายคุณค่าของคำ คุณค่าของระบบการเรียนรู้ และคุณค่าของการศึกษา ลงไปโดยลำดับ

เพราะการท่องได้ จำได้ แล้วนำไปตอบคำถามแบบ "ทื่อๆ" ได้นั้น อย่างมากก็แค่ "การเลียน" หรือสูงสุดไม่เกิน "การเรียนความรู้" ยังไม่ถึงขั้น "การเรียนรู้" เสียด้วยซ้ำ
ยังไม่ต้องไปกล่าวอ้างถึง "การศึกษา" ที่เป็นการพัฒนาตนเองจากความรู้ที่ได้รับจากการ "เรียนรู้" มิใช่จากการ "ท่องจำ" อย่างแน่นอน

จริงอยู่ การที่จะรียนได้ดี ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการ "เลียน" หรือ "ท่องจำ" ให้ได้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ก็มิใช่ว่า จะหยุดอยู่แค่ "เลียน" "ท่องจำ" จำได้" "ตอบได้" หรือ "เรียนเอาความรู้" แต่เพียงเท่านั้น

แต่ยังต้อง "เรียน" จนมีความรู้เกิดขึ้นในตัวเอง แบบจริงๆ ใช้ได้จริงๆ ตามเจตนาของความรู้และการเรียนนั้นๆ

และ.....
เมื่อนำความรู้ที่แท้จริงเหล่านั้นมาใช้ในการพัฒนาตนเองจนสัมฤทธิ์ผลครบถ้วนแล้ว จึงจะสมควรเรียกว่า "ผู้มีการศึกษา" และ "ผู้สำเร็จการศึกษา" โดยลำดับ

ดังนั้น ว่ากันง่ายๆ ในทางปฏิบัติ

ถ้าใครอยากจะวัดระดับ............

ก. "การเลียน" ...........

ก็วัดที่การท่องจำ จำได้

ข. "การเรียน" ...........

ก็วัดความก้าวหน้าของความรู้และการปฏิบัติที่มีอยู่ในตัวบุคคลนั้นๆ หรือผลงานที่เกิดขึ้น ที่ไม่เกี่ยวกับการท่องจำใดๆ แต่วัดที่การปฏิบัติที่ก้าวหน้าอย่างเดียวจะชัดเจนที่สุด

ค. "การเรียนความรู้" .........

ก็วัดจากการนำความรู้ของคนอื่นไปใช้ ด้วยตัวเอง ว่าใช้ได้จริงๆหรือไม่

ง. "การเรียนรู้" .............

ก็วัดจากองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่คนๆนั้นมีขึ้นมาเอง โดยไม่ลอกเลียนใคร แม้จะดูคล้ายๆกันก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องอธิบายได้ด้วยความคิดของตัวเอง

จ. "การศึกษา" ....................

ก็วัดจากระดับความคิด และการพัฒนาชีวิต ว่าเป็นไปตามระดับ การศึกษาของเขาหรือไม่
------------------------------------------------------

โดยตรรกะนี้ บางคนแม้จะมีใบปริญญากี่ใบก็ตาม ก็อาจจะเป็นผู้ด้อยการศึกษาก็ได้ ถ้าเขาบังเอิญได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามหลักการของความจริง แต่ได้มาด้วยระบบที่มีปัญหา

เพราะระบบการศึกษาของเรา จำนวนหนึ่ง ได้พยายามบิดเบือน เจตนา เพื่อเอาใจลูกค้า กันจนลืมเจตนา และจรรยาบรรณ มีมากพอสมควรทีเดียว

จึงขอสะกิดแรงๆ เพื่อการสร้างสรร สังคม การเรียนรู้ และ การศึกษา ที่ดีต่อไปครับ

หมายเลขบันทึก: 597562เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2015 11:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2015 11:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท