ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ เป็นภาคเรียนแรกของการเปิดทำการเรียนการสอนรายวิชา “ภาวะผู้นำนิสิต” ในหมวดศึกษาทั่วไป ซึ่งเป็นรายวิชาการเรียนรู้ที่ต่อยอดมาจากรายวิชา “การพัฒนานิสิต”
ในภาพรวมของการจัดการเรียนการสอน ยังคงยึดมั่นในแนวทางเดิม นั่นคือ “บันเทิงเริงปัญญา” ใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (ห้องเรียน) และเรียนรู้อย่างเป็นทีม หรือเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (โครงการ/โครงงาน) โดยกลุ่มแรกที่มีสิทธิ์ได้เรียนวิชานี้ก็คือ “นิสิตใหม่” ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๕๘
ใบงาน : คลิป
กระบวนการเรียนการสอน ยังคงใช้ขนบเดียวกันกับวิชาการพัฒนานิสิต เริ่มต้นจากก่อนเข้าชั้นเรียนนิสิตต้องรับ “ใบงาน” จากผู้ช่วยสอน เพื่อใช้เป็นแบบบันทึกผลการเรียนรู้ประจำวันแบบง่ายๆ กระชับๆ เน้นวาทกรรม หรือความคิดรวบยอด นอกจากนี้ใบงานดังกล่าวยังใช้เป็นหนึ่งในระบบและกลไกของการเช็คชื่อการเข้าชั้นเรียนไปในตัว
ถัดจากการแจกใบงาน นิสิตก็จะได้นั่งดูชมคลิป เพื่อสร้างบรรยากาศของการนำเข้าสู่การเรียนรู้ เสมือนการฝึกทักษะการเรียนรู้ผ่านสื่อสร้างสรรค์ในอีกช่องทางหนึ่ง โดยสื่อที่นำมาใช้ในต้นชั่วโมงจะเกี่ยวโยงกับความเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เช่น การเยี่ยมค่าย การออกค่าย การจัดกิจกรรมวันแม่ (จดหมายจากมหาวิทยาลัยถึงคนไกลที่อยู่ทางบ้าน) ซึ่งสอดรับห้วงเดือนแห่ง “วันแม่”
อธิการบดี : สอนเอง (พบปะทักทาย)
การบรรยายภาคทฤษฎีอย่างเป็นทางการของวันแรก เราออกแบบการเรียนรู้ด้วยการเรียนเชิญอธิการบดี (ศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา ประเทพา) มาบรรยายด้วยตัวของท่านเอง ในหัวข้อ นิสิต MSU มีความเป็นพลเมืองโลก they have a sense of belonging to a world community. โดยมีประเด็นสำคัญๆ เช่น ภาพรวมของการพัฒนานิสิตนักศึกษาไทย ลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ หมุดหมายของมหาวิทยาลัยมหาสารคามในการบ่มเพาะบัณฑิตฯ
ขอยืนยันตรงนี้อย่างหนักแน่นว่า ผมและทีมงานเจตนาอย่างแรงกล้าในการเรียนอธิการบดีมาบรรยายในหัวข้อนี้ ซึ่งหลายปีก่อนในรายวิชาการพัฒนานิสิตก็ใช้กระบวนการเดียวกันมาแล้ว เพราะผมไม่ได้มองแค่เรื่องการบรรยาย หรือการสอนเท่านั้น หากแต่ต้องการให้นิสิตใหม่ได้ใกล้ชิดกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย และสร้างกระบวนการเชื่อมโยงให้ผู้บริหารและนิสิตได้ “พบปะ” กันอย่างเป็นกันเอง เสมอเหมือนการสร้างพื้นที่ของการรับฟังความคิดเห็นของนิสิตไปในตัวเช่นกัน ส่วนจะบรรลุเจตนารมณ์ที่ผมได้ซ่อนซุกไว้มากน้อยแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับว่า “ผู้สอน” ที่หมายถึงอธิการบดี หรือ “ผู้เรียน” ที่หมายถึง “นิสิต” จะรังสรรค์ออกมาร่วมกันได้แค่ไหนเท่านั้นเอง –
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา ประเทพา : อธิการบดี
โดยส่วนตัวแล้ว ผมชื่นชอบการบรรยายของอธิการบดีเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่การบรรยายให้นิสิตรู้ในเรื่องราวอันเป็นปรัชญาอุดมศึกษาไทยที่มีมายาวนานผ่านวาทกรรม “เก่ง-ดี-มีสุข” เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงถึงงานวิจัย หรือกระแสหลักของ “สังคมโลก” มาให้นิสิตได้รับรู้โดยสังเขป เพื่อเปิดพื้นที่ให้นิสิตได้มีแรงจูงใจที่จะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเอง... เช่น
รวมถึงกรณีศึกษาอื่นๆ ที่ถูกหยิบยกมาให้ขบคิดอย่างน่าสนใจ เช่น เรื่องปัญหาอันเป็นต้นน้ำของคุณภาพเด็กไทยผ่านระบบและกลไกทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาคทฤษฎีมากกว่ามุ่งให้เรียนรู้การปฏิบัติ การเรียนวันละ 9 ชั่วโมง (ขณะที่ชาติอื่นๆ เรียนประมาณ 5 ชั่วโมง) เน้นจดบันทึกคำสอนของครู (ขณะที่ชาติอื่นๆ มุ่งโต้ตอบแลกเปลี่ยนกับครู) ในชั้นเรียนมีนักเรียน 50 คน/ห้อง (ขณะที่ต่างชาติมีนักเรียน 20 คน/ห้อง) ฯลฯ
ซึ่งกระบวนการที่ว่านั้นคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนขาดความสุข หรือขาดแรงบันดาลใจ หรือกระทั่งขาดทักษะการเรียนรู้ไปโดยปริยายอย่างน่าใจหาย
TQF : ความรู้และทักษะสากลในแบบไทยๆ
อย่างไรก็ดีในการบรรยายของอธิการบดี ไม่ใช่สะท้อนข้อมูลการเรียนรู้เฉพาะแต่ความเป็นสังคมโลกเท่านั้น แต่ก็เน้นย้ำชัดเจนว่า “ต้องไม่ลืมความเป็นไทย” ในมิติต่างๆ พร้อมๆ กับการเชื่อมโยงไปยังเรื่องกรอบมาตรฐานอุดมศึกษาไทย (TQF) ทั้ง ๕ ประการที่นิสิตต้องมีตระหนักทั้งมิติความรู้และทักษะ คือ
หมุดหมาย มมส : นิสิต มมส
นอกจากนี้ยังได้สะท้อนประเด็นอันเป็นหมุดหมายของมหาวิทยาลัยมหาสารคามอย่างครอบคลุม ยกตัวอย่างเช่น ปรัชญามหาวิทยาลัย (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) เอกลักษณ์มหาวิทยาลัย (เป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน) อัตลักษณ์นิสิต (เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน) โดยเน้นย้ำว่านิสิตสามารถเรียนรู้ความเป็น “อัตลักษณ์ผ่านเอกลักษณ์” ซึ่งฟังดูคมคาย ลึกซึ้งและชวนค่าต่อการวิเคราะห์-เชื่อมโยง หรือถอดรหัสที่แฝงอยู่ในวาทกรรมนั้นๆ อย่างบอกไม่ถูก
หรือกระทั่งในตอนท้ายของการบรรยาย – ยังได้หยิบยกประเด็นคุณลักษณะของนิสิตในมุมมองส่วนตัวของอธิการบดีไว้ให้นิสิตใหม่ได้คิดเล่นๆ หรือคิดต่อยอดสู่การ “เก่ง-ดี-มีสุข” หรือเพื่อความเป็น global citizenship ของนิสิต เป็นต้นว่า
ปิดท้าย : ใบงานและคำถามท้ายชั่วโมง
ก่อนการแยกย้ายกลับสู่ที่พักและตามอัธยาศัย ทีมกระบวนการเข้ามาพบปะนิสิตอีกรอบ ให้นิสิตแต่ละคนสรุปผลการเรียนรู้ประจำวันลงใน “ใบลาน” เน้นการสรุปแบบสั้นๆ เป็นวาทกรรม หรือสรุปผ่านใจความสำคัญๆ ตลอดจนการสร้างคำถามท้ายชั่วโมงขึ้นมาเพื่อให้นิสิตได้กลับไปทบทวนอีกรอบ นั่นคือ “ลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์”
หมายเหตุ : ภาพ โดย งานประชาสัมพันธ์และสารสนเทศนิสิต / นิสิต จิตอาสา
เยี่ยม มากๆ ค่ะ ... นักศึกษา สนใจดีมากๆนะคะ .... คนเป็นอาจารย์ คงภูมิใจมากๆ นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบพระคุณครับ พี่ Dr. Ple
วิชาภาวะผู้นำ... ยังใหม่สดในภาคเรียนรู้ ทั้งผู้เรียนและผู้สอน ยังคงเรียนรู้ร่วมกันไปทีละนิดๆ... แต่หลักๆ ยังเน้นบรรยากาศบันเทิงเริงปัญญา เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง-เน้นชุมชนเป็นชั้นเรียน (ชุมชนวิชาการ-หมู่บ้าน-ฯลฯ) และเรียนรู้ผ่านการลงมือทำอย่างเป็นทีม
ขอบพระคุณมากๆ ครับ อ. tuknarak
ตอนนี้ก็กำลังนั่งเขียนเรื่องถัดมา ที่ว่าด้วยผู้นำ-ภาวะผู้นำ ครับ จากอธิการบดีมาสอนก็มาถึงวาระรองอธิการบดี มาสอน แล้วครับ 55
มาร่วมชื่นชมค่ะ...